ชาลีน | ปองวุฒิ รุจิระชาคร : ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด 2024

ชาลีน | ปองวุฒิ รุจิระชาคร 

ประกวดเรื่องสั้นมติชนอวอร์ด 2024

 

1

ชาลีนไม่คิดว่าจะได้เจอคนรักเก่าสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมอีกครั้งในตอนอายุสี่สิบห้า เมื่อตัวเธอไม่ใช่ผู้ชายคนเดิมอย่างที่อีกฝ่ายเคยรู้จักอีกต่อไป

เรื่องเริ่มจากคำชวนของนินิวหลานสาวนักศึกษาปีสามที่ช่วยหางานมาให้เธอ หน้าที่คนดูแลคุณน้าของแฟนหนุ่มซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตาและมีอาการของโรคซึมเศร้า “หนูว่างานสบายเหมาะกับป้าชา น้าหญิงดูแลไม่ยากหรอก หนูเคยเจอตัวแล้ว…บ้านนั้นเขาไม่อยากแค่จ้างพยาบาลทำตามหน้าที่อย่างเดียว แต่อยากได้คนที่พร้อมอยู่เป็นเพื่อนแบบชิลล์ๆ ให้น้าหญิงเขาไม่เหงา จะได้สดใสขึ้น” หลานสาธยายสารพัดเหตุผลเพื่อชักจูงชาลีน ปิดท้ายด้วยการบอกเรื่องค่าจ้างอัตราสูง

แม้ฟังดูเป็นการคิดง่าย มองโลกแง่บวกตามประสาหนุ่มสาว แต่ชาลีนก็เชื่อใจว่านินิวฉลาดและรอบคอบ พิสูจน์ผ่านความคิดและการใช้ชีวิตมาหลายหน อย่างเช่นเหตุผลที่เลือกคบกับไททามแฟนคนปัจจุบัน นอกจากเรื่องรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอถูกใจกันแล้ว หลานยังบอกว่า “ไทเขาเป็นทั้งลูกคนเดียวและหลานคนเดียวของตระกูลนี้ ถ้าเราคบกันจนแต่งงาน ในอนาคตหนูก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเก็บเงินซื้อบ้านสร้างครอบครัวอย่างสมัยพ่อแม่กับป้าชาเลย เพราะบ้านและอสังหาฯ จากพ่อแม่และญาติเขาที่ไม่มีลูกกันสักคน ก็กลายเป็นของไทหมด”

เป็นไอเดียที่ฟังดูแปลกแต่ก็มีเหตุผลไปพร้อมกัน ชาลีนยอมรับว่านี่คือถือเป็นความฉลาดของหลานสาวเจนซียุคเด็กเกิดน้อยที่มองขาดว่าการลงทุนเพื่ออนาคตของรุ่นตัวเองแตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างไร

หลังพ่อแม่ของนินิวเสียชีวิต ตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาพวกเธอมีกันเพียงสองคน ทั้งปกติชาลีนปฏิบัติตัวเป็นคุณป้านิสัยเก๋ไก๋ผู้เข้าใจวัยรุ่น ทำให้เธอกับหลานสนิทกันมาก นินิวย่อมหวังดีอยากช่วยเธอหารายได้ ช่วงสี่ปีหลังมานี้ชาลีนเสียงานหัวหน้าทีมพีอาร์ร้านอาหารกึ่งผับเครือใหญ่ไปจากภาวะโควิดระบาด ยังไม่สามารถไต่กลับสู่สถานะเดิม ได้แต่เพียงรับงานชั่วคราวจากเพื่อนฝูง ราวกับว่าในจังหวะที่เกิดวิกฤตโลก รู้ตัวอีกทีคนรุ่นเธอก็ผ่านมันเพื่อออกมาเจอวิกฤตวัยกลางคนที่ปลายอุโมงค์และฟื้นสภาพไม่ไหว

 

2

ชาลีนเพิ่งพบว่าตนเองพลาดไปถนัด เมื่อหลานพามาเจอคนที่เธอรับงานดูแลแล้วถึงรู้ว่าน้าหญิงที่ถูกพูดถึงนั้น…คือหญิง รุ่นน้องชั้น ม.3 ที่เคยคบหาด้วยสมัยชาลีนอยู่ ม.6 คงเป็นเพราะชื่ออีกฝ่าย ชื่อเล่นโหลๆ พยางค์เดียวแบบเด็กยุคเกิดเกินล้านต่อปีใช้กันซ้ำซาก หญิง เมย์ บอล พลอย อาร์ต หรืออย่างชาลีนเองผู้เคยมีชื่อเล่นว่าช้าง ดังนั้น เธอจึงไม่คิดระแวงสักนิดว่าอีกฝ่ายคือน้องหญิงจากห้วงเวลาอดีต

“น้าหญิงคะ นี่ลุงชาลี…อิอิ…ล้อเล่นค่ะ ป้าชาลีนคนสวยของหนูเอง” นินิวทำหน้าที่แนะนำด้วยเสียงร่าเริง ใส่มุขตลกและความทะเล้นเล็กน้อย โดยไม่ทันสังเกตความสั่นไหวในแววตาของป้า

“ขอบคุณนะคะ ที่ยอมรับงานนี้” หญิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างคนไม่มั่นใจ ชวนให้รู้สึกว่าเจ้าตัวคงไม่ได้พูดกับใครมากนักในแต่ละวัน

“ด้วยความยินดีค่ะ” ชาลีนตอบกลับไปสั้นๆ พลันรู้สึกว่าเสียงตัวเองแหบแห้ง ทั้งสำเนียงเกือบหวนกลับไปสู่ความเป็นชายอย่างสมัยก่อน ทั้งที่ชินกับการใช้เสียงดัดอย่างเพศหญิงมาเกินกว่าสิบปีแล้ว

ภายใต้เปลือกนอกของช่วงทำความรู้จักกันตามประสาคนเพิ่งเจอหน้า ชาลีนปั้นหน้ายิ้มดูสงบเสงี่ยม แท้จริงภายในความคิดกำลังทำงานอย่างหนัก ขุดค้นความทรงจำเก่า เปรียบเทียบหญิงสาววัยสี่สิบสองตรงหน้ากับเด็กสาวอายุสิบสี่ในวันวาน ซึ่งมีหลายอย่างแตกต่างกันไป แต่จะแปลกอะไรเพราะถ้าเทียบกันแล้วเธอน่าจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนมากกว่าเสียอีก จากพี่ช้าง นายชนินทร์ กลายเป็นชาลีนผู้ได้รับคำชมจากคนรอบข้างเสมอมาว่าดูสวย เปรี้ยวเข็ดฟันยิ่งกว่าผู้หญิงแท้หลายคน

คนส่วนใหญ่ล้วนแต่พูดตรงกันว่าเธอเป็นคนคุยสนุก แต่บทสนทนายามนี้จัดว่าตะกุกตะกัก ติดขัดอย่างเหลือเชื่อ ความรู้สึกผิดจากการล่วงรู้ถึงอดีตอยู่ฝ่ายเดียวปนกังวลว่าความจะแตกเมื่อใด จนสักพักบรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้น เมื่อตระหนักได้ว่าทั้งหลานสาวและแฟนหนุ่มไม่มีใครรู้ประวัติสมัยเธอยังเป็นวัยรุ่น สำหรับคนหนุ่มสาวแล้ว ช่วงเวลาเจิดจรัส ล้ำค่าของคนรุ่นก่อนก็เป็นเพียงแค่เรื่องเก่าก่อนห้วงเวลาตัวเองเกิด ที่ไม่น่าสนใจ เสียงชาลีนจึงเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เป็นสาวข้ามเพศบุคลิกสนุกสนาน เป็นคุณป้าสุดเก๋ แสนทันสมัยของนินิวที่พร้อมจะดูแลหญิงตาบอดตรงหน้าอย่างมิตร

 

3

หลังจากนั้นการใช้เวลาร่วมกันของชาลีนและหญิงจึงเริ่มต้นขึ้น สิ่งที่หลานบอกไว้ก่อนหน้านั้นถูกต้องทีเดียว หญิงไม่ใช่คนเรื่องมากจุกจิก แม้ตามองไม่เห็นแต่ก็ดูแลตัวเองได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะยามที่อยู่ในบ้าน รุ่นน้องจำได้อย่างแม่นยำว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ทั้งในปัจจุบันสำหรับครอบครัวมีเงินแล้วการหาซื้อเครื่องไม้เครื่องมือช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาให้ใช้ชีวิตสะดวกขึ้นไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น ชาลีนจึงแทบไม่ต้องช่วยเหลือเรื่องพื้นฐานอย่างการป้อนอาหารหรือพาเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ สิ่งสำคัญที่เธอต้องทำมากที่สุดคือเป็นเพื่อน และนั่นก็ดูจะเป็นเป้าหมายหลักที่ทางตระกูลนี้คาดหวัง เพราะที่ผ่านมากังวลว่าหญิงจะซึมเศร้าจากการเก็บตัวในโลกมืดเพียงลำพัง ในขณะที่คนอื่นมัวแต่ทำมาหากินใช้ชีวิต ไม่มีเวลาให้

นอกจากวันแรกที่ติดขัดแล้ว ความสนิทสนมของทั้งคู่ก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอไม่ทำให้เสียชื่อคุณป้าชาลีนผู้สนุกสนาน มีรสนิยมดีและรอบรู้ อีกทั้งการเป็นคนรุ่นเดียวกันจึงคุยถูกคอไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่าหรือประเด็นในปัจจุบัน ชาลีนพบว่าแม้ผ่านมาเกือบสามสิบปีแล้วแต่นิสัยและการแสดงออกหลายอย่างของหญิงยังทำให้หวนคิดถึงสมัยเคยคบหา ดังนั้น จึงเดาได้ไม่ยากว่าชอบหรือชังสิ่งใด

“เพลงนี้พี่ว่าเพราะดี หญิงลองฟังดูสิ…ซีรีส์ใหม่เรื่องนี้กำลังเป็นกระแสเลย เดี๋ยวพี่เล่าเรื่องย่อให้ฟังก่อนดีกว่า…ข่าวนี้พี่ว่าขำมาก น้องหญิงต้องชอบแน่…” แต่ละวันชาลีนนำพาความบันเทิงหลากหลายมาให้สาวตาบอด ซึ่งหญิงก็ตอบรับมันด้วยความยินดีและต้องใจ ชาลีนค้นพบว่าในเสี้ยวหนึ่งมันคล้ายความสัมพันธ์อย่างคนรักเฉกเช่นสมัยก่อน ความเป็นชายที่หลงเหลืออยู่ในตัวเธอคือเจ้านิสัยการเป็นผู้นำทางความคิดและรสนิยมผ่านทางหนัง ดนตรี หนังสือ และการสนทนา

“ตั้งแต่มีพี่ชาลีนมาอยู่ด้วย หญิงรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ” หญิงบอกเช่นนั้นหลังผ่านสองสัปดาห์แรกไป ซึ่งใครฟังก็รู้ว่าออกมาจากใจจริง ไม่ใช่เพียงแค่การกล่าวตามมารยาท ฝั่งชาลีนเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน การกลับมาเจอกัน พาทั้งสองสัมผัสภาพเลือนของวันวานที่เคยคิดว่าสูญหายไปหมดได้อีกครั้ง

“พี่ก็ชอบที่ได้อยู่กับน้องหญิง สนุกเพลินมาก” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสไตล์สาวสองเปรี้ยวแสบอย่างจริงใจ แต่ละวันได้แต่เก็บกั้นเจ้าความรู้สึกผิดเสี้ยวเล็กที่กำเนิดจากอดีตของชนินทร์ ตอนนี้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันผ่านประวัติส่วนตัวใหม่ที่ชาลีนสร้างขึ้น ท่องจำขึ้นใจ และใช้บอกผู้อื่นมาตลอด

 

4

จุดที่ชาลีนรู้ว่าหญิงเปิดใจให้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ตอนที่คุยกันในเรื่องบันเทิงสดใส แต่เมื่อสนทนากันเกี่ยวกับความทุกข์ที่ทิ้งรอยแผลเป็น หรือด้านมืดไม่สวยงามที่ซุกซ่อนไว้ในใจ เริ่มจากรุ่นน้องขอให้เธอช่วยทำหน้าที่เป็นทั้งดวงตาและหัวสมอง ช่วยสืบค้นตามโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยม ว่าเหล่าคนเคยรู้จักสมัยเรียน ในตอนนี้มีชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง

แม้ว่าปัจจุบันจะมีโปรแกรมหรือฟีเจอร์ที่ช่วยเหลือให้คนตาบอดสามารถใช้คอมพ์ มือถือ เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ด้วยตัวเองผ่านการแปรเนื้อหาเป็นเสียง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงแทบไม่เคยใช้มัน “ไม่ชอบเสียงสังเคราะห์ของมันค่ะ แห้งแล้งและไร้ความรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นมนุษย์ด้วยกันอย่างพี่ชาลีนช่วยดูและเล่าให้หญิงฟัง เหมือนเรื่องอื่นๆ มันรู้สึกโอเคกว่า”

ชาลีนตกลงทำตามคำขอดังกล่าว พอจะเข้าใจ ความรู้สึกอยากส่อง สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับชีวิตคนเคยรู้จัก เป็นเพียงพฤติกรรมแสนธรรมดา เธอทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสืบค้นทีละรายชื่อตามแต่หญิงเลือกมา ไล่อ่าน ทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวม จากนั้นบรรยายสรุปให้ฟังว่าชีวิตเป้าหมายแต่ละคนเป็นอย่างไรในปัจจุบัน ในขณะที่หญิงเป็นฝ่ายบรรยายให้ฟังว่าในอดีตคนเหล่านั้นเคยมีพฤติกรรม ทัศนคติ นิสัยและวิถีชีวิตแบบใด

“คนที่ชื่อพีรยา ปัจจุบันทำงานเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาฯ น่าจะผ่านการแต่งงานและหย่ามาแล้วนะ เพราะพี่เห็นเขาเขียนบ่นกับเพื่อนประเด็นดราม่าดารามีเมียน้อยว่าผัวเก่าตัวเองก็นิสัยแบบนี้ ส่วนใหญ่แต่ละวันก็มีเขียนด่ารัฐบาลเรื่องค่าเล่าเรียน ค่าไฟแพง ล่าสุดเก็บเงินไปเที่ยวทริปญี่ปุ่นสั้นๆ มาห้าวัน”

“สมัยอยู่มหา’ลัยพีชมีผู้ชายมาชอบเยอะมาก เขาเคยเล่นโฆษณาที่ฉายโทรทัศน์ด้วยนะคะ” หญิงรำพึงถึงอดีต

“อย่างนั้นเหรอ ดูแตกต่างจากชีวิตเขาตอนนี้เลยนะ” ชาลีนออกความเห็น

“พี่ชาลีนว่า ถ้าเราได้ยินความลำบากหรือเหตุการณ์ไม่ดีในชีวิตคนอื่นแล้วทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น มันแปลว่าเราเป็นคนชั่วหรือเปล่า”

ชาลีนครุ่นคิดตามคำถามดังกล่าวอย่างจริงจัง “พี่ว่ามันก็แค่ความเป็นมนุษย์ธรรมดา”

“การต้องเป็นคนตาบอดแบบนี้ มันแย่อยู่แล้ว แต่ที่ทำให้หญิงรู้สึกเศร้าที่สุด คือการที่ตัวเองล้มเหลวไม่สามารถมีชีวิตอย่างที่เคยฝันไว้สมัยก่อน”

“ฝันตามประสาคนรุ่นเราน่ะเหรอ มีงานมั่นคง เงินเดือนสูง มีบ้านมีรถ แต่งงาน มีลูกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อะไรทำนองนี้หรือเปล่า” ชาลีนคิดถึงเจ้าความฝันพื้นฐานสมัยตัวเองยังเด็ก และตัวประเทศนี้ก็มีฝันว่าจะได้สถานะเสือตัวที่ห้าของเอเชีย กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วเช่นเดียวกัน

“ค่ะ ก็คงเป็นแบบนั้น”

“พออายุเท่านี้แล้ว พี่พบว่าหลายอย่างมันก็รกรุงรังนะ ไม่มีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

 

5

หญิงเปิดใจให้ฟังว่าหลังจากประสบอุบัติเหตุและสูญเสียการมองเห็นไปตอนอายุสามสิบห้า เธอเหมือนโดนตัดขาดออกจากสังคมไปพร้อมกัน มีแค่คนใกล้ชิดที่รู้ข่าวแสดงความเสียใจแล้วก็ลืมเลือน ส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกลายเป็นผู้พิการทางสายตา จนนำมาสู่อาการซึมเศร้าในภายหลัง

ชาลีนเสนอให้หญิงกลับมาใช้บัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ละทิ้งไปนานอีกหน โดยไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้เรื่องดวงตา แต่ให้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติแบบสมัยก่อนประสบอุบัติเหตุ เพื่อคุยติดต่อกับเหล่าเพื่อนพ้องในอดีตอีกครั้ง

“แต่มันจะเป็นการโกหกหรือเปล่าคะ”

“พี่คิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะ แค่เราเลือกใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ” ชาลีนมั่นใจ เพราะคุ้นชินกับการทำเช่นนี้มาตลอดหลายปี

แม้จะไม่มั่นใจนัก แต่หญิงก็ตัดสินใจเชื่อชาลีนซึ่งทั้งช่วยคิดแต่งประวัติใหม่ให้ว่าช่วงเจ็ดปีหลัง ถ้าไม่ได้ประสบอุบัติเหตุหญิงจะมีชีวิตแบบไหน ทำอะไรอยู่ พร้อมทำหน้าที่เป็นคนอ่านและพิมพ์ตอบโต้กับคู่สนทนาให้ จนถึงจุดหนึ่งที่หญิงสบายใจพอจะใช้โปรแกรมเพื่อสนทนาเอง

เป็นไปตามที่ชาลีนเดาเอาไว้ นั่นคือพอหญิงเลือกแสดงตัวว่ามีชีวิตอันแสนปกติ เหล่าคนรู้จักส่วนใหญ่ก็ตอบสนองเช่นเดียวกันกลับมา ทักทาย ถามไถ่ แลกเปลี่ยนเรื่องชีวิตพื้นฐานเช่นปัจจุบันทำงานอะไรกันอยู่ รำลึกความหลังเล็กน้อยก่อนปิดท้ายว่าสักวันคงได้เจอกัน แม้ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าคงเป็นไปได้ยากสำหรับชีวิตผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมีเวลาให้กัน การทำแบบนี้ช่วยให้หญิงรู้สึกสบายใจขึ้นได้อย่างน่าประหลาด เหมือนเจอหนทางกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง

 

6

บางครั้งยามนินิวกับไททามว่าง เด็กทั้งสองจะพาหญิงกับชาลีนออกไปเที่ยวด้วยกัน จุดนี้เป็นตัวชี้วัดให้ชาลีนคิดว่าแฟนหนุ่มของหลานจัดเป็นผู้ชายนิสัยใช้ได้ทีเดียวที่รู้จักให้เวลา ห่วงใยน้า วันอาทิตย์นี้ทั้งสองขับรถพาพวกชาลีนมายังสวนสาธารณะริมน้ำขนาดใหญ่ซึ่งภาครัฐกำลังจัดงานสวนดอกไม้นานาพันธุ์ หญิงออกปากว่าอยากมา แม้เธอมองไม่เห็นก็จริง แต่สามารถสัมผัสกลิ่นและเสียง ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้

“นินิวเป็นเด็กดีมากเลย พี่ชาลีนเลี้ยงหลานมาได้ดีจริงๆ” หญิงพูดขึ้นระหว่างนั่งอยู่ในศาลาไม้กับชาลีน ส่วนคู่รักหนุ่มสาวเลือกออกไปปูเสื่อนั่งเล่นที่สนามหญ้าติดกับริมแม่น้ำ เย้าแหย่หยอกล้อกันโดยไม่กลัวเมฆฝนที่เริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล

“โชคดีว่าหลานมันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ได้สอนอะไรเขานักหรอก พูดเยอะ เดี๋ยวก็คิดว่าเราน่าเบื่อ”

ชาลีนพูดพลางยิ้มอย่างมีความสุข เธอรู้สึกเหมือนนินิวเป็นดั่งอีกภาคหนึ่งของตัวเองที่สมบูรณ์แบบกว่า พัฒนาขึ้นอีกขั้น ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ เกิดมาเป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดี มีอนาคตและความเป็นไปได้ ความหวังรออยู่ สิ่งที่คนวัยเธอไม่มีอีกแล้ว

ไม่นานนักเกิดลมพัดแรง ตามด้วยฝนเทลงมาอย่างหนัก คู่รักหนุ่มสาวพากันร้องตกใจก่อนช่วยกันหยิบคว้าของที่วางอยู่บนเสื่อปิกนิกหนีเข้ามายังศาลาไม้ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเปียกปอนกันไปหมด

“โอ๊ย หนีไม่ทันเลยเนี่ย” นินิวว่า

“ฮ่าๆ ก็บอกแล้วว่าอย่าไปปูเสื่อนอนเลยเหนื่อยเปล่า” ไททามบอกแล้วหัวเราะสนุกสนาน

แม้จะเปียกปอนและข้าวของเละเทะไปหมด แต่คนที่เคยผ่านชีวิตมาก่อนอย่างชาลีนและหญิงรู้ว่าในอนาคตจะมีอีกหลายครั้งที่หลานทั้งสองคนจะหวนคิดถึงห้วงเวลานี้ในฐานะความทรงจำที่ดีและอยากสัมผัสมันอีกครั้ง

 

7

ตั้งแต่ช่วยผลักดันให้หญิงกลับสู่สังคมอีกครั้ง ชาลีนก็ทำใจเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่ง จะถึงคราวที่อีกฝ่ายอยากรู้เกี่ยวกับชีวิตของนายชนินทร์ผู้เคยเป็นคนรักเก่า

“เป็นแฟนของหญิงสมัยอยู่ ม.3 ค่ะ พอพี่เขาเข้ามหา’ลัยก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย อยากรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง”

“ได้สิ เดี๋ยวพี่ขอเวลาแป๊บนึงนะ”

ชาลีนตอบสนองอย่างเป็นปกติไม่ต่างจากที่เคยเป็นมา เริ่มจากจัดการล็อกอินเข้าบัญชีของนายชนินทร์ที่ถูกปล่อยร้าง ไม่ใด้ใช้งานมานานเกินกว่าสิบปี ใช้เวลาครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนกำลังดูบันทึกชีวิตออนไลน์ของมนุษย์อีกคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

“ชีวิตของเขาคงไม่ได้ราบรื่นนักหรอก มีเขียนบ่นเรื่องงาน เรื่องเกี่ยวกับความฝันและตัวตนที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็มีบางวันเหมือนกันที่เขามีความสุขกับการเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” ทั้งหมดคือคำบรรยายซื่อตรงที่ชาลีนใช้พูดถึงชีวิตของชนินทร์ “หญิงฟังแล้วรู้สึกยังไง”

สาวตาบอดนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนตอบ “ฟังดูไม่สุขไม่ทุกข์เกินไป ชีวิตพี่ช้างคงไม่แย่นัก ดีแล้วค่ะ”

“นั่นสินะ”

พี่ชาลีน หญิงขอเวลาเป็นส่วนตัวหน่อยนะคะ อยากแชตไปทักทายพี่ช้างเอง”

ชาลีนไม่แน่ใจนักว่าเพราะเหตุใดหญิงจึงต้องการเช่นนั้น แต่ก็ตกลงทำตามคำขอ เดินออกจากห้อง ปล่อยให้หญิงอยู่ตามลำพัง

สักพักเธอจึงได้ข้อความที่หญิงส่งมาหาชนินทร์

“สวัสดีค่ะพี่ช้าง นี่หญิงเอง ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ”

“สวัสดี พี่ก็ดีใจที่ได้เจอหญิงนะ” ชาลีนพิมพ์ข้อความนี้กลับไปอย่างจริงใจ โอบรับฉากจบแห่งวันวานที่เธอละทิ้งมานานแสนนาน •