Sexaroid ตอนที่ 2 : สะบั้นสัมพันธ์สวาท

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

เมื่ออ่านภาคแรกไป 17 ตอนโดยไม่ต้องอ่านภาคสองต่อก็รู้สึกได้ว่าอาจารย์เลจิเขียนงานนี้สนุกๆ เหมือนงานทดลองจริงๆ โดยไม่พะวงกับพล็อตเรื่องที่ควรจะรัดกุมมากกว่านี้

นอกจากนี้ ยังเขียนถึงการเมืองญี่ปุ่นช่วงหลังสงครามโลกต่อสงครามเย็นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังพยายามสร้างชาติใหม่

ยิ่งไปกว่านั้นคือเขียนถึงผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศอย่างจะแจ้งเสมือนตั้งใจจะไม่เกรงใจใครเลยในเวลานั้น

หรือว่าในสภาพความเป็นจริงเวลานั้นเรื่องนี้ไม่ต้องเกรงใจใครเลยจริงๆ

ขบวนการเฟมินิสต์มีความชัดเจนและเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง คำศัพท์ misogyny (จากภาษากรีก misos ‘ความเกลียด’ + gun? ‘ผู้หญิง’) มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แต่เป็นที่รู้จักและใช้กันมากขึ้นโดยขบวนการเฟมินิสต์ยุคใหม่ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970

คำนี้แปลตามตัวว่าเกลียดสตรี กินความตั้งแต่การรุกราน การทำร้าย การเหยียด การลดค่า ไปจนถึงการเพิกเฉยคุณค่าอื่นๆ ของสตรี หากเราไม่หลีกเลี่ยงก็คงต้องยอมรับว่ายูกิใช้ร่างกายทำงานจริง ทั้งหลอกล่อศัตรูและปลอบขวัญชิมะ

ครั้นจะอ้างว่าเธอเป็นแอนดรอยด์มิใช่สตรีก็มิได้เพราะอาจารย์เลจิเองให้สัมภาษณ์ว่าเขาตั้งใจวาดเส้นผมของเธอให้ยาวตลอดร่างเป็นพิเศษเพื่อปิดบังร่างกายจะได้ไม่เป็นปัญหากับการเซ็นเซอร์มากนัก ไม่นับว่าเขาถูกต่อว่าอยู่พอสมควร

นั่นแสดงว่าอาจารย์เองก็เห็นความสำคัญของร่างกายของเธอ “ว่ามีคุณค่าต่อการปิดบัง” แต่ส่วนที่เถียงไม่ขึ้นคือประดาสตรีที่อยู่ข้างกายเหล่าร้ายเกือบทุกคนก็ใช้ร่างกายหลอกล่อชิมะหรือแม้แต่ทรยศคู่นอนหรือสามีของตัวเอง เถียงได้อีกว่าทั้งหมดที่พวกเธอทำไปก็เพื่อประโยชน์ของญี่ปุ่น

คัตสึชิ อิตะบาชิ นักเขียนซึ่งมีความรู้เรื่องกลศาสตร์ที่ได้เข้ามาช่วยออกแบบกลไกของ Galaxy Express 1999 ให้แก่อาจารย์เลจิในภายหลังได้เล่าไว้ท้ายเล่มว่าเขามาช่วยวาดเซ็กซารอยด์ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมสาม เวลานั้นเลจิบอกว่า “ตอนวาดหลับตาบ้างก็ได้” นัยว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเพิ่งจะเป็นนักเรียนและรูปที่วาดค่อนข้างโป๊อยู่หลายตอน

เลจิเองก็ได้เขียนเอาไว้ในเล่มเดียวกันว่าเขาเขียนงานนี้เพื่อตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนเยาวชนซึ่งควรจะแตกต่างจากการ์ตูนสำหรับเด็ก แม้ว่าจะมีภาพเกือบเปลือยหลายตอน (ที่ไม่เปลือยก็เพราะเส้นผมบังนั่นแหละ) แต่หลายท่วงท่าของยูกินำมาจากการวางมือวางเท้าของนักบัลเล่ต์ซึ่งมั่นใจได้ว่าสวยงามและดูดี (เมื่อนั่งดูจากที่นั่งของคนดู)

ยังมีบทสัมภาษณ์อีกท่อนหนึ่งที่เลจิอธิบายว่าเป็นดีเอ็นเอจากบรรพบุรุษของท่านเองที่ทำให้ท่านวาดรูปผู้หญิงสวยงามเหล่านี้ออกมา ที่สำคัญคือผู้หญิงของเขามิใช่คนอ่อนแอ

โดยเลจิได้ยกตัวอย่างแรงบันดาลใจจากที่ได้ดูหนังไตรภาค ปี 1954 Samurai I Musashi Miyamoto ของฮิโรชิ อินาคากิ โดยมีโตชิโร มิฟูเน่ รับบทมุซาชิ มิยาโมโตะ ฉากที่มุซาชิจะเดินทางไปดวลที่เกาะกันริว (ซึ่งน่าจะเป็น Samurai III : Duel at Ganryu Island 1956) ภรรยาร้องไห้เดินตาม เป็นโตชิโร มิฟูเน่ หันมาพูดว่า “ไม่มีเมียของซามูไรคนไหนเขาร้องไห้กันหรอกนะ” ท่านที่เคยดูจะรู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนมุมมองต่อสตรีได้จริงๆ

เป็นที่ยอมรับว่ารูปที่อาจารย์เลจิวาดมิได้เข้าข่ายอนาจารจนกระทั่งมีครั้งหนึ่งที่เขาถูกบรรณาธิการขอให้เขียนรูปยูกิที่เห็นจุกหัวนมซึ่งนั่นทำให้เขาโกรธมากแต่ก็จำเป็นต้องทำ

เมื่อถึงปี 1979 จึงมี New Sexaroid ใหม่อีกครั้งหนึ่งซึ่ง 3-4 ตอนแรกได้นำมารวมเล่มไว้ในฉบับตีพิมพ์ภาษาไทยของแคทคอมิกส์ครั้งนี้ด้วย อยากให้ทุกท่านอ่านดูจะพบว่ามันดีกว่าเวอร์ชั่นเดิมมากไม่ว่าจะเป็นลายเส้น เนื้อเรื่อง ที่สำคัญคือวิธีเล่าเรื่องเป็นเหตุเป็นผลมากกว่า

เลจิมิได้เอ่ยชื่อประเทศต่างๆ ที่คิดฉีกญี่ปุ่นเป็นชิ้นๆ แต่พอเดาได้จากอักษรย่อต่างๆ และการออกแบบเหล่าร้ายว่าหน้าตาเหมือนใครบ้างในสหรัฐอเมริกา ยุโรป โซเวียต หรือจีน จะเห็นว่าภัยคุกคามญี่ปุ่นเป็นเรื่องจริงและเป็นจิตใต้สำนึกรวมหมู่ (collective unconscious) เวลานั้นนั่นคือระบาดไปทุกวงการ เราจึงได้เห็นก๊อดซิลล่าและพลังปรมาณูของมันตลอดมา

สําหรับเซ็กซารอยด์ภาคสองโครงการยาโยอิก็เช่นกัน หลังจากแผนการคามิโยะถูกยกเลิกรัฐบาลญี่ปุ่นก็เริ่มแผนการที่สองนั่นคือการตามหาแร่คอสโมไนต์ซึ่งจะเป็นแหล่งพลังงานมหาศาลไม่สิ้นสุดรวมถึงวิธีควบคุมและใช้ประโยชน์จากมัน

จะเห็นว่าเนื้อหาสื่อถึงการควบคุมปรมาณูโดยตรงซึ่งมิใช่เป็นเพียงปัญหาของญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นสงครามเย็นที่ทำกันทั่วโลก

หากอ่านเซ็กซารอยด์ไปสองภาคจะพบปรากฏการณ์ซ้ำๆ อยู่เรื่องหนึ่งคือเรื่องการตัดสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าร้ายกับยูกิหรือชิมะกับสตรีข้างกายเหล่าร้าย หรือสตรีข้างกายเหล่าร้ายกับสามีของพวกเธอ

เนื้อเรื่องซ้ำไปซ้ำมาทั้งหมดนี้เป็นที่สังเกตว่าคู่ขนานไปกับการที่ญี่ปุ่นคิดตัดสัมพันธ์กับนานาชาติด้วยโครงการคามิโยะ ซึ่งเมื่อทำไม่สำเร็จก็ดูคล้ายจะหนักข้อขึ้นกับโครงการยาโยอิซึ่งก็ไม่สำเร็จอีก

ดังนั้น อย่าพลาดตอนอวสานของโครงการที่สามเมื่อญี่ปุ่นคิดผ่าโลกเป็นสองเสี่ยง ชวนให้คิดถึง Foundation, Star Trek Picards และ Astro Boy ขึ้นมาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว •

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์