สมมุติว่า…ประเทศไทย ไร้คอร์รัปชั่น!

สุทธิชัย หยุ่น

อย่าคิดว่าผมฝันกลางวัน

อย่านึกว่าผมละเมอเพ้อพกขึ้นมากลางดึก

ผมยืนยันว่าสติสัมปชัญญะยังอยู่ครบถ้วน

และมีความ “ทะเยอทะยาน” ในฐานะพลเมืองไทยที่ต้องการเห็นประเทศชาติพ้นจาก “กับดัก” มากมายก่ายกองที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติอยู่ขณะนี้

ผมยังไม่ได้ฝันหวานว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคพระศรีอารย์

ในฐานะพลเมืองเต็มขั้นของประเทศนี้ ผมไม่ได้เรียกร้องเกินไปใช่ไหมหากจะสมมุติว่าวันหนึ่งข้างหน้าในอนาคตที่พอจะมองเห็นได้ (โดยไม่ต้องรอถึงชาติหน้าตอนมืดค่ำ) ประเทศไทยจะเป็นสังคมที่ปราศจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง?

เพราะบางทีการปลอบใจตัวเองของคนไทยก็อาจจะอยู่ที่การสมมุติสถานการณ์ที่ผู้คนคิดว่าควรจะเกิดหรืออยากให้เกิดในบ้านเมืองนี้มันเกิดขึ้นได้จริง

เช่น สมมุติว่าประเทศไทยปราศจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงจริงๆ

พอคิดได้อย่างนั้นก็เริ่มจินตนาการต่อว่า ประเทศเราจะเป็นอย่างไรหากไร้เสียซึ่งเรื่องฉ้อฉลโกงบ้านโกงเมืองจริงๆ

ไม่ใช่เพียงแค่คำประกาศเป็นนโยบายบนกระดาษที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้จริง

‘เชื่อผม…ถ้าพวกคุณเลือกผมไปบริหารประเทศ…ผมจะเลิกกินเนื้อ จะแปลงเป็นกินมังสวิรัติทันที!’

สิ่งแรกที่คิดได้ก็คือหากบ้านเมืองนี้สะอาดสะอ้านปราศจากเรื่องสินบนเล่นเส้นเล่นพรรคเล่นพวก บางคนอาจจะบอกว่าดูจะเหมือนเราอยู่ในอาณาจักรแห่งเทพนิยาย

ถ้าไร้คอร์รัปชั่น หน้าตารัฐบาลจะเป็นเช่นไร?

ลองจินตนาการถึงโลกที่นักการเมืองรักษาสัญญาจริงๆ ไม่ตระบัดสัตย์ พูดจริงทำจริง

พอถูกจับได้ว่าพูดจาโกหกมดเท็จก็จะไม่อ้างว่า “นั่นมันคือการหาเสียงต่างหาก”

ณ ประเทศไทยเช่นว่านี้เราจะไม่ได้ยินคำมั่นสัญญาก่อนการเลือกตั้งเกี่ยวกับการลดภาษี การดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น และสันติภาพโลกอีกต่อไป

ในชาติที่ไร้พฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบของเรา นักการเมืองคือผู้มีคุณธรรมที่พร้อมรับใช้สาธารณชนด้วยการเสียสละทุ่มเทมุ่งมั่น

การรณรงค์หาเสียงจะเปลี่ยนจากการแข่งขันที่สับสนวุ่นวายไปสู่การอภิปรายอย่างรอบด้านว่าด้วยนโยบายและวิสัยทัศน์

แทนที่จะใส่ร้ายป้ายสีแก่กัน ผู้อาสามารับใช้ประชาชนจะถกแถลงนโยบายและแผนงานสาธารณะที่มุ่งเน้นไปในทิศทางเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ไม่ต้องกัดฟันทำใจต้องเลือกระหว่าง “ผู้สมัครที่เลวร้ายน้อยกว่าอีกคนหนึ่ง” (เพราะชั่วร้ายเหมือนกัน) อีกต่อไป

 

ตรงกันข้ามในประเทศไทยที่ไร้คอร์รัปชั่นนั้น ประชาชนสามารถเลือกคนดีที่สุดที่มีคุณสมบัติตรงตามที่สาธารณะชนคาดหวัง

นั่นหมายความว่าเราจะมีทางเลือกจากกลุ่มคนดีและเสียสละ มิใช่จำใจต้องหย่อนบัตรให้ “คนเลวน้อยกว่า” อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา

เพราะเมื่อบ้านเมืองสะอาดสะอ้าน คนดีคนเก่งก็จะพร้อมใจเข้ามาทำงานการเมืองกันอย่างทุ่มเทจริงจัง

หากเราได้ระบบการเมืองที่ไม่ยอมรับการฉ้อฉลโกงกิน โครงการดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็จะได้รับงบประมาณอันเหมาะควร

ไม่ถูกนักการเมืองชั่วร้ายแอบยักยอกงบประมาณเข้ากระเป๋าตัวเอง

โครงการดีๆ ที่ตอบโจทย์ของชาวบ้านก็จะไม่ประสบกับความล่าช้าและถูกชักเปอร์เซ็นต์ระหว่างทางจนเหลือแต่กระดูก

อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานจะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยคำนึงถึงเงินทุกบาททุกสตางค์

 

ในประเทศไทยที่ไร้การเบียดบังงบประมาณโดยนักการเมืองชั่วร้าย เศรษฐกิจจะเจริญรุ่งเรือง ธุรกิจต่างๆ จะแข่งขันกันอย่างเท่าเทียมกัน

จะเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ มากกว่าการติดสินบนและข้อตกลงใต้โต๊ะ

จะไม่มีคำว่า Know Who สำคัญกว่า Know How

ในประเทศไทยเช่นนี้ สตาร์ตอัพและธุรกิจขนาดกลางและเล็กจะเจริญรุ่งเรือง

ไม่ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ของระบบราชการหรือความจำเป็นที่ต้องถูกรีดไถและข่มขู่คุกคามหากไม่ยอมทำตามคำเรียกร้องของเหล่าบรรดานักการเมืองและข้าราชการฉ้อฉล

สังคมไทยในโลกสมมุตินี้จะปกครองด้วยระบบคุณธรรมที่วัดกันด้วยความรู้ความสามารถ

การทำงานหนัก ไม่ใช่การวิ่งเต้นและวิ่งหาผู้มีบุญบารมีจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิ

ในสังคมเช่นนี้ องค์กรขนาดใหญ่ก็จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตที่ยั่งยืนมากกว่าทำกำไรระยะสั้นจากการใช้หลักปฏิบัติที่ละเมิดหลักจรรยาบรรณ

 

หากเราได้สังคมที่ไร้การเรียกร้องสินบนใต้โต๊ะ เราก็จะสามารถขจัดการปล้นชาติของนักการเมืองจะส่งเสริมให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจะลดน้อยถอยลงเพราะจะมีการจัดสรรทรัพยากรอย่างยุติธรรม

ทุกคนจะมีโอกาสในสังคมที่เปิดกว้างให้กับคนทุกภาคส่วน

เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เพราะประชาชนมีความไว้วางใจในผู้ปกครอง

การลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศก็จะเฟื่องฟูเพราะความโปร่งใสและการตรวจสอบได้เป็นเสาหลักของการตัดสินใจลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่เป็นธรรมและกระจายไปสู่คนทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมเสมอภาค

 

สมมุติต่อไปว่าเมื่อประเทศมีระบบโปร่งใสแล้วระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์แล้ว เราก็คงไม่ต้องกังวลว่าจะมีกรณี “ถุงขนม” หล่นหายในที่ต่างๆ

ประชาชนก็มีความมั่นใจว่าคดีต่างๆ จะถูกตัดสินตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา

ผู้คนก็เชื่ออย่างจริงใจได้ว่าคุกไม่ได้มีไว้ขังคนจนเท่านั้น

คนรวยและผู้มีอำนาจก็จะไม่มีข้อได้เปรียบที่อยุติธรรมอีกต่อไป

ทุกอย่างในกระบวนการยุติธรรมจะตัดสินด้วยทักษะและความทุ่มเทมากกว่าเส้นสายและอำนาจเงิน

นั่นแปลว่าระดับความไว้วางใจของสาธารณชนต่อระบบกฎหมายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สังคมจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าความยุติธรรมไม่เพียงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เท่านั้น

แต่ยังมีหลักประกันอย่างหนักแน่นมั่นคงอีกด้วย

เมื่อกระบวนการยุติธรรมได้รับการฟื้นคืนสู่ความน่าเลื่อมใสศรัทธา

เรือนจำก็จะเป็นที่กักขังผู้ที่มีความผิดอย่างแท้จริง

คุกจะไม่ใช่เป็นสถานที่สำหรับคนไร้อำนาจเงินที่จะจ้างทนายความเก่ง

ที่คุมขังก็จะไม่ใช่เอาไว้สำหรับผู้ถูกตัดสินลงโทษอย่างไม่ยุติธรรม

และเมื่อถึงจุดนั้น ระบบการฟื้นฟูผู้กระทำผิดจะได้รับความสำคัญมากกว่าการลงโทษ

นำไปสู่สังคมที่ยุติธรรมและมีมนุษยธรรมมากขึ้น

 

ในสังคมที่ปราศจากการทุจริต บริการสาธารณะจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

การศึกษา การดูแลสุขภาพ และบริการทางสังคมจะดำเนินงานด้วยศักยภาพสูงสุด

ปราศจากผลกระทบจากการกัดกร่อนของการรับสินบนและความไร้ประสิทธิภาพ

ครูจะได้รับการว่าจ้างตามคุณสมบัติและความหลงใหลทุ่มเทต่อการศึกษา

ไม่ใช่เพราะต้องจ่ายสินบนหรือมีญาติอยู่ในฝ่ายบริหาร

โรงเรียนจะได้รับทุนสนับสนุนอย่างเหมาะสมและพอเพียง

จะมีการจัดสรรทรัพยากรอย่างยุติธรรมและโปร่งใส

เด็กทุกคนไม่ว่าจะมีภูมิหลังอย่างไร จะมาจากครอบครัวยากดีมีจนอย่างไรก็จะสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นรากฐานสำหรับอนาคตที่สดใส

ระบบการรักษาพยาบาลจะเป็นสัญญาณแห่งประสิทธิภาพและความเห็นอกเห็นใจ

แพทย์และพยาบาลจะถูกเลือกจากทักษะและความทุ่มเท และผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

โครงการริเริ่มด้านสาธารณสุขจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล โดยมีทรัพยากรเข้าถึงผู้ที่ต้องการมากที่สุด

บริการสังคมจะแข็งแกร่งและเข้าถึงได้ โดยเป็นเครือข่ายความปลอดภัยสำหรับผู้เปราะบางโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ

การไร้ที่อยู่และความยากจนจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อทรัพยากรได้รับการนำทางไปยังจุดที่ต้องการมากที่สุด

ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมครับ?

ผมไม่ได้เรียกร้องมากเกินไปใช่ไหมครับ?

ผมเป็นคนไทยที่เรียกร้องอย่างมีเหตุมีผลใช่ไหมครับ?

ถ้าอย่างนั้น อ่านต่อสัปดาห์หน้าครับ