คนดี

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน ผมไปงาน “24 มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ พลวัตวันชาติ” ของนิตยสารศิลปวัฒนธรรม

เขาเชิญเป็นผู้ดำเนินรายการ “วาดประวัติศาสตร์ผ่านการ์ตูน”

สัมภาษณ์พี่อรุณ วัชระสวัสดิ์ และ “สะอาด” ธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์ การ์ตูนนิสต์รุ่นใหม่ เจ้าของงานกราฟิกโนเวล เรื่อง “2475 นักเขียนผีแห่งสยาม”

ที่มาของการขึ้นเวทีครั้งนี้มาจากพี่อรุณ

เขาระบุมาว่าถ้าจะให้ขึ้นเวที ผู้ดำเนินรายการต้องเป็นผม

เหตุผลง่ายๆ คือ ผมเคยสัมภาษณ์พี่อรุณหลายครั้งตอนที่ออกหนังสือ “อรุณตวัดการเมือง”

ทั้งคุ้นเคย รู้เรื่องราวและจังหวะกันดี

ไม่ต้องคุยกันมาก

เมื่อพี่อรุณบอกมาแบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องปฏิเสธ

“พูดในงานอะไรครับพี่” ผมถาม

พี่อรุณหัวเราะ บอกว่าไม่รู้

“น่าจะเป็นงานประกาศผลรางวัลของมติชนสุดสัปดาห์”

ถ้าแบบนี้ งานสบายๆ ไม่มีปัญหา

แต่พอใกล้ถึงวันขึ้นเวที ทีมงานศิลปวัฒนธรรมติดต่อมาและแจ้งให้ทราบว่างานนี้คืองาน “24 มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ พลวัตวันชาติ”

งานจริงจังมาก

เครียดเลยครับ

เพราะผมรู้เรื่องประวัติศาสตร์น้อยมาก เห็นรายชื่อวิทยากรแต่ละคนในงานแล้วรู้สึกตัวลีบเล็กเลย
แต่ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นในตัวพี่อรุณ

ต้องรอดแน่ๆ

อรุณ วัชระสวัสดิ์

พี่อรุณนั้นสนใจการวาดการ์ตูน และเรื่องการเมืองมานาน

ตอนเริ่มทำงานแรกๆ เขาเป็นส่วนหนึ่งของกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์

ทุกวันตอนที่ประชุมข่าวของกอง บ.ก.

พี่อรุณจะเข้าด้วย

บ.ก.ข่าว และ บ.ก.โต๊ะข่าว จะคุยกันว่าวันนี้มีข่าวอะไรบ้าง

ต้องตามประเด็นไหนต่อ

คุยเบื้องลึกเบื้องหลังข่าวกัน

ส่วนพี่อรุณจะนั่งฟังแล้วคิดว่าจะเขียนเรื่องอะไร

และกลับมาคิดแก๊กว่าจะวาดเป็นรูปอะไร

มาช่วงหลังๆ พี่อรุณไม่ได้ประจำการในกอง บ.ก.แล้ว

เขาจะวาดการ์ตูนอยู่ที่บ้าน

แต่เป็นช่วงเวลาที่สั่งสมข้อมูลการเมืองมานานจนต่อยอดเองได้จากการอ่านข่าว

ใครที่ดูการ์ตูนการเมืองของพี่อรุณแล้วคงนึกสงสัยกันทุกคนว่าพี่เขาคิดมุมนี้ได้อย่างไร

เอาภาพของเรื่องหนึ่งที่คนคุ้นเคยมาเปรียบเทียบกับประเด็นการเมือง

ดูแล้วขำแบบแสบๆ คันๆ

พอถามเรื่องนี้ พี่อรุณจะตอบเหมือนกันทุกครั้งว่า “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

แต่จะเปรียบเทียบว่ามันเหมือนกับมีก้อนเมฆ 2 ก้อน

ก้อนเมฆของข้อมูลข่าว

กับก้อนเมฆของไอเดียการวาด

2 ก้อนเมฆจะมาปะทะกัน

ถ้าปะทะกันแล้วเกิดประกายไฟแบบฟ้าผ่าเมื่อไร

ไอเดียนั้นใช้ได้

แต่ถ้าไม่เกิดประกายไฟ

ก็รอก้อนเมฆก้อนใหม่

สักพักหนึ่งมันจะต้องเกิดฟ้าแลบในสมอง

คาดว่าตัวเร่งปฏิกิริยา คือ “เดดไลน์”

ใกล้เส้นตายเมื่อไร สายฟ้านั้นก็แลบแปล๊บ-แปล๊บ ขึ้นมา

กลายเป็นการ์ตูนอรุณตวัดการเมือง

“สะอาด” ธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์

ในขณะที่การทำงานของ “สะอาด” การ์ตูนนิสต์รุ่นใหม่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องการเมืองมาก่อน

การ์ตูนที่เขาวาดเป็นเรื่องราวของการเดินทางตามความรู้สึกของคนรุ่นใหม่

จนวันหนึ่งเกิดม็อบราษฎรขึ้นมา เขาจึงเริ่มสนใจเรื่องการเมือง

และสนใจเรื่องเหตุการณ์ 2475

แต่ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ยังไม่ลึกซึ้ง

จนเจอกับเพื่อนที่รู้เรื่องประวัติศาสตร์เป็นอย่างดีในวงเบียร์

โครงการ “2475 นักเขียนผีแห่งสยาม” จึงผุดขึ้นมา

แต่มันเป็นโครงการใหญ่ที่ต้องใช้เงินทุนและเวลา

เขาเริ่มต้นแบบ “สตาร์ตอัพ”

เขียนโครงการเพื่อขอระดมทุนจากคนที่สนใจ

จนได้เงินก้อนหนึ่งมาทำงาน

ระบบการทำงานของเขาแตกต่างจากพี่อรุณอย่างสิ้นเชิง

พี่อรุณทำงานคนเดียว

ทั้งคิดแก๊กเองและวาดเอง

แต่ “2475 นักเขียนผีแห่งสยาม” ของ “สะอาด”

เขาทำงานเป็นทีมครับ

เหมือนทีมเขียนบทภาพยนตร์หรือซีรีส์

ไม่ได้ทำงานคนเดียว

มีคนค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์

ละเอียดถึงขั้นค้นข้อมูลว่าถนนในสมัย 2475 เป็นอย่างไร

จะเรียบเหมือนถนนในปัจจุบันไม่ได้

ตอนนั้นถนนส่วนใหญ่น่าจะเป็นหลุมบ่อ มีน้ำขัง

ห้องประชุมในเรื่องสำคัญของเรื่องมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง

เก็บรายละเอียดของฉากเหมือนทำหนังเลยครับ

“สะอาด” ใช้เวลาวาดการ์ตูนเรื่องนี้ถึง 3 ปี

เป็นโครงการที่เหนื่อยมาก

เสวนา “วาดประวัติศาสตร์ผ่านการ์ตูน” งาน “24 มิถุนาฯ วันมหาศรีสวัสดิ์ พลวัตวันชาติ” ณ มติชนอคาเดมี

สัมภาษณ์บนเวทีไปเรื่อยๆ อย่างสนุกสนาน

จนเจ้าหน้าที่คุมเวทียกป้าย “5 นาที”

ส่งสัญญาณว่าต้องปิดจบแล้ว

ผมถามคำถามสุดท้ายกับ “สะอาด”

ตอนที่เริ่มต้นโครงการจนถึงวันที่วาดการ์ตูนเรื่องนี้เสร็จ

“คุณค้นพบอะไรจากเรื่องที่ได้เรียนรู้มาบ้าง”

เขาบอกว่าสิ่งที่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ก็คือ ทุกคนล้วนคิดว่าตัวเองเป็น “คนดี”

ทำทุกอย่างด้วยความปรารถนาดี

ไม่ว่ายึดอำนาจ หักหลังกัน แย่งชิงอำนาจกัน

ทั้งหมดทำไปด้วยความเชื่อว่าเขากำลังทำสิ่งที่ดี

และเขาเป็น “คนดี”

ฟังแล้วชอบมาก

เพราะมันไม่ใช่ “คำตอบ” ของเหตุการณ์ช่วงนั้นเพียงช่วงเดียว

ผมเชื่อว่าจนถึงทุกวันนี้ การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองก็ดำเนินไปด้วยความเชื่อนี้

เชื่อว่าเราเป็น “คนดี”

ทำในสิ่งที่ดี

ผมหันไปถามพี่อรุณบ้าง

“ตั้งแต่ติดตามการเมืองมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ถ้าให้พี่วาดการ์ตูนสักภาพหนึ่งเพื่ออธิบายการเมืองไทย พี่จะวาดเป็นรูปอะไร”

ตอนถาม ผมก็กลัวพี่อรุณด่าตอนลงเวทีเหมือนกัน

เพราะเป็นคำถามที่ยากมาก

โดยเฉพาะเมื่อต้องตอบแบบฉับพลัน

แต่พี่อรุณก็คือพี่อรุณ

ก้อนเมฆ 2 ก้อนปะทะกันแล้วเกิดประกายไฟ

“พี่จะวาดเป็นรูปจุดจุดเดียว”

ไม่มีคำอธิบาย

ทุกคนกลับไปคิดเอง

จบการเสวนาแบบเท่ๆ

แต่ผมกลับมานั่งคิดต่อ

จุดดำ 1 จุดหมายความว่าอย่างไร

…ถ้าเป็นจุดฟูลสต๊อป ก็เท่ากับเตือนใจทุกคนที่กำลังแย่งชิงอำนาจว่าวันหนึ่งทุกคนก็ต้องสิ้นสุด

ให้คิดถึงวันสุดท้ายของชีวิตบ้าง

…หรือว่า “จุดดำ” นั้นไม่ใช่ “จุด”

แต่เปรียบเหมือนชีวิตคนว่าเป็นแค่เถ้าธุลีของจักรวาล

เล็กแค่จุดจุดเดียว

อย่าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหน

เพราะทุกคนก็แค่จุดเล็กๆ เท่านั้น

เดี๋ยวก็หายไปจากโลกนี้แล้ว •