ศึกชิงนายก อบจ. ปทุม เดือด ‘ชาญ’ หวังสางแค้น ‘บิ๊กแจ๊ส’ เดิมพัน นายใหญ่ แพ้ไม่ได้ อุ๊งอิ๊ง-โอ๊ค ขอเสียงคนเสื้อแดง

ร้อนแรงไม่แพ้การเมืองระดับประเทศก็ต้องยกให้การเมืองสนามท้องถิ่น โดยเฉพาะที่ จ.ปทุมธานี ที่จะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน ที่จะถึงนี้

ซึ่งมีสองผู้สมัครคนสำคัญลงชิงตำแหน่ง คนแรกเป็นนายก อบจ.คนล่าสุด นั่นก็คือ “บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้สมัครหมายเลข 3 และคู่แข่งคนสำคัญอย่าง “นายชาญ พวงเพ็ชร์” ผู้สมัครหมายเลข 1 อดีตนายก อบจ. แมตช์สำคัญการเลือกตั้งท้องถิ่นเมืองปทุมที่ถูกจับตามองอย่างหนัก

หลังทางบิ๊กแจ๊สใช้กลยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ เปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ จนถูกมองว่าเป็นการหวังชิงธงนำเพื่อไม่ให้คู่แข่งตั้งตัว แถมในตอนแรกก็ดูมีท่าทีจะลงในนามตัวแทนพรรคก้าวไกลด้วยซ้ำ

แต่ท้ายที่สุดก้าวไกลก็ประกาศไม่ส่งตัวแทนลงชิง ด้านบิ๊กแจ๊สเองก็ประกาศตัวลงในฐานะตัวแทนอิสระ

ขณะที่ฝั่งของนายชาญมีคนสำคัญอย่าง “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หนุนหลังอยู่

สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี จึงกลายเป็นเดิมพันอนาคตทางการเมืองของบิ๊กแจ๊สที่ต้องการมีบทบาทและอำนาจต่อ

ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องการล้มบิ๊กแจ๊สให้ลงจากเก้าอี้และขึ้นมาผงาดแทน รวมถึงความต้องการยึดพื้นที่ปทุมธานี ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นใหญ่ของเพื่อไทยจากการชนะเลือกตั้งยกจังหวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544-2554 กลับคืนมาจากพรรคก้าวไกล ที่ล้มช้างกวาดเก้าอี้ ส.ส.ครบเกือบทุกเขตของปทุมธานีจากการเลือกตั้ง 2566 ที่ผ่านมา

รวมถึงประเด็นความบาดหมาง บิ๊กแจ๊ส vs ทักษิณ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบิ๊กแจ๊สมีสายสัมพันธ์อันดีกับนายใหญ่เพื่อไทย จนมีวลีเด็ด “มีวันนี้เพราะพี่ให้” เป็นโลโก้ติดตัวตลอดมา ก่อนจะมาแตกหักในช่วงเลือกตั้งใหญ่ 2566 เมื่อบิ๊กแจ๊สหนุนผู้สมัครภูมิใจไทยและส่งคนของตัวเองลงแข่งกับเพื่อไทย ทำให้พ่ายแพ้ก้าวไกลยับเยิน

สนามเลือกตั้งท้องถิ่นปทุมธานีจึงเป็นทั้งการทวงคืนและมุ่งหมายสั่งสอนบิ๊กแจ๊สไปในคราวเดียวกัน

บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในรายการ “เอ็กซ์-อ๊อก Talk ทุกเรื่อง มติชนทีวี” ถึงการตัดสินใจลงเลือกตั้งชิงนายก อบจ.ปทุมธานี ในฐานะผู้สมัครอิสระ ปราศจากพรรคการเมืองหนุนหลัง และศึกระหว่างทักษิณที่สังคมจับตา โดยเจ้าตัวเผยว่า

“ผมมีแนวคิดว่าการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับประเทศมันแยกกัน ผมมองอย่างนั้นนะ การเมืองท้องถิ่นคุณเป็นนายก อบจ. คุณต้องรู้ปัญหาของประชาชน ลงไปแก้ปัญหาให้ประชาชนให้เร็วที่สุด อย่างตอนเกิดโรคระบาด ผมตัดสินใจที่จะซื้อซิโนฟาร์ม ผมต้องไปขอความเห็นพรรค ขอมติพรรคเหรอ ถ้าผมสังกัดพรรค ถูกไหม ผมตัดสินใจของผมเลยทันที ถ้าเกิดจะทำอะไรต้องไปขอความเห็นพรรคเหรอ พรรคจะรู้ดีมากกว่าตัวคนที่อยู่ในพื้นที่เหรอ อันนี้คือเหตุผลที่ผมสมัครอิสระ

พรรคก้าวไกลก็มีอุดมการณ์ของเขา มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่อยู่ๆ ใครจะมาวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา คะแนนของก้าวไกลต้องเทไปนู่นไปนี่ เดี๋ยวนี้คนเขามีความรู้นะครับ เพราะฉะนั้น ระบบบ้านใหญ่มันควรจะหมดไปแล้ว บ้านใหญ่จะไปสั่งใครได้

คราวที่แล้วพี่น้องประชาชนคนปทุมฯ เขาสอนให้เห็นแล้วว่า ส.ส.ทั้งหมด 7 คน 6 คนเป็นของก้าวไกล บ้านใหญ่ไปสั่งได้ไหม แล้วบ้านใหญ่ทั้งหมดร่วงระเนระนาด มันเห็นชัดเจน

ผมเป็นนายก อบจ. จะไปสั่งได้ไหม ต้องเลือกคนนี้พรรคนี้นะ มีแต่เขาจะสั่งเรานะคนรุ่นใหม่ เขาต้องเห็นจากสิ่งที่เราทำไป ต้องเข้าใจว่าตำแหน่งนายก อบจ. มันมีผลต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนโดยตรง”

เมื่อถามถึงการกลับมาของอดีตนายกฯ ทักษิณ มีผลต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีมากน้อยแค่ไหน บิ๊กแจ๊สเองยอมรับว่ามีผล

“มันจะไม่มีผลได้ยังไง ในเมื่อท่านเป็นคนระดับประเทศ คนระดับโลกรู้จักท่านทั้งนั้น แล้วท่านลงมาเล่นเอง ถามว่ามีผลไหม ถ้าผมบอกว่าไม่มีผลก็แปลว่าผมโกหกแล้ว วิตกกังวลไหม วิตกสิครับ ในเมื่อท่านระดมบ้านใหญ่มาทั้งหมด ผมดูแล้วแต่ละคน สิ่งที่น้อยใจนิดๆ ผมจะไม่ตำหนิพี่เขาออกจากปากผมเลย แต่ทำไมไม่ถามผมสักคำ เหตุผลคืออะไร ผมไม่มีโอกาสแก้ตัว ไม่ได้ชี้แจง ผมไม่รู้ใครไปใส่อะไรผมไว้บ้าง

แต่ถ้าถามผมสามารถชี้แจงได้ทั้งหมด ว่าสิ่งที่ในอดีตมันเกิดอะไรขึ้น ที่ท่านพูดในโต๊ะอาหารว่าไม่รู้จัก ก็ไม่เป็นไร ไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก แต่ในระบบของโรงเรียนนายร้อยเรา น้องยังไงก็ต้องจำพี่ได้ แต่พี่เขาจำน้องไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมไม่ได้กังวลอะไรเรื่องนี้”

“เรามาถึงจุดนี้ มันก็ต้องสู้ ถึงสู้อย่างโดดเดี่ยวผมก็ต้องสู้ แพ้ผมก็กลับไปรักษาคนไข้ของผม ไม่มีอะไรเสีย ผมคิดอย่างเดียวว่าชีวิตที่เหลือเพื่อปทุมธานี จะทำเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน ผมไม่ทะเยอทะยานต้องไปเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ผมอยู่แค่นี้ผมพอแล้ว ถึงผมจะสู้โดดเดี่ยว ไม่มีใครหนุนหลัง ก็ไม่เป็นไร ผมจะสู้ ผมคิดอย่างเดียวจะทำเพื่อคนปทุมฯ ตอบแทนแผ่นดินเกิดผมเท่านั้นเอง” บิ๊กแจ๊สกล่าว

 

ขณะเดียวกันฝั่งของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ก็ให้สัมภาษณ์ถึงศึกเลือกนายก อบจ.ปทุมธานี เอาไว้เช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นที่มีพรรคเพื่อไทยและอดีตนายกฯ ทักษิณคอยหนุนอยู่เบื้องหลัง

“ตั้งแต่เป็นมา เราใช้กลุ่มปทุมรักไทยซึ่งสมัยนั้นก็แข่งกับไทยรักไทย ตระกูลหาญสวัสดิ์ แต่วันนี้เราก็เหมือนพี่น้องกัน แยกกันทำงานมาตลอด ไม่เคยได้เอาพรรคการเมืองไหนมาขึ้นหัว เหมือนเราอยู่ภูมิใจไทย เราก็ไม่ได้เอาเขามาขึ้นหัว ทีนี้มารอบนี้ ส.ส.ในปทุมธานีและพรรคก็เรียกเราไปคุย แต่เราก็ยังใช้สโลแกนของเรา คือกลุ่มปทุมรักไทย ลุงชาญใจดี คนปทุมไม่ทิ้งกัน”

“เป็นผลดีไหม มันก็สองรูปแบบ บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ ก็ไม่ได้กระทบอะไรมากมาย วันนั้น (งานบวช) ผมบอกเลยว่าผมไม่เคยเข้าไปสวัสดีท่าน (ทักษิณ) เพราะว่ามันต้องแยกแยะออกจากกัน เราไปการเมืองไปพบปะประชาชนของเรา เราจะไม่ไปยุ่งกับผู้ใหญ่ที่เขามางาน ไม่ไปทำให้เขากระทบ ไม่กระทบกับตัวเราด้วย เขามางานตรงนั้นของ ส.ส.หนึ่งเดียวในปทุมธานี เพราะฉะนั้น ลุงชาญก็อยู่ของลุงชาญ แต่ระหว่างผู้ใหญ่กับผม เราไม่ได้ไปพบกันในงานวันนั้น”

ก่อนจะยืนยันคำตอบว่าอดีตนายกฯ ทักษิณไม่มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้ง ส่วนกับทางพรรคก้าวไกลนายชาญระบุว่าไม่ได้มีผลกระทบ จริงอยู่ที่มีคนที่เชียร์ก้าวไกล แต่เมื่อเขาไม่มีคนส่งลงสมัคร ก็คิดว่าคงไม่ได้มีผลอะไรมากมาย เพราะเด็กๆ ก็ยังรักลุงชาญอยู่เหมือนเดิม

 

การคัมแบ๊กกลับสู่สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีของนายชาญในนามเพื่อไทย ผนวกกับมีนายใหญ่คอยหนุนทรัพยากรและสรรพกำลังช่วยเต็มที่ โดยเฉพาะการขนขุนพลของพรรคลงไปช่วยในพื้นที่ ทำให้ดูเหมือนจะได้เปรียบ

ไม่ว่าจะเป็นการส่ง “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและลูกสาวคนเล็ก ไปร่วมงานในวันเปิดตัวลงสมัครของนายชาญ

และล่าสุดกับการส่ง “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย คุมศูนย์เลือกตั้ง ส.ส. ลูกชายคนโต

พร้อม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยนายชาญหาเสียงและพบปะมวลชนคนเสื้อแดงในจังหวัดปทุมธานี ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ถูกงัดขึ้นมาใช้ เพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างที่ต้องการ และย้ำว่าแบรนด์ทักษิณยังไม่ตกยุค

ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีคราวนี้ จึงเป็นทั้งศึกแห่งศักดิ์ศรีและชี้ชะตาของทั้งบิ๊กแจ๊สและนายชาญ

และเบื้องหลังลึกๆ ยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ต้องการทวงคืนปทุมธานีกลับคืนมาจากพรรคก้าวไกล หลังเสียฐานที่มั่นไปเกือบยกจังหวัดจากเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 โดยหันมาใช้กลยุทธ์ดึงกลุ่มบ้านใหญ่เข้าร่วม เพื่อปิดประตูแห่งความพ่ายแพ้

และหวังกลับมายิ่งใหญ่ในสมรภูมิการเมืองอีกครั้ง!