‘บิ๊กทิน’ เต็มเพาเวอร์ ล้างทีมกุนซือ พลเรือน-ทหาร กระชับอำนาจ กห. ชู ‘บิ๊กอั๋น’ สมองเพชร จับตากลยุทธ์จัดโผทหาร โฟกัสระบบ ‘รุ่น’

เป็น รมว.กลาโหมนานเกือบปีแล้ว ภาพลักษณ์ของบิ๊กทิน สุทิน คลังแสง ดูเก้าอี้แข็งแรง มั่นคงขึ้น

หลังจากผ่านศึกการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ชิงเก้าอี้ รมว.กลาโหม กับทั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และการทวงดีลจากขั้วอนุรักษนิยม ที่ต้องการให้ฝ่ายทหารมาคุมกลาโหม มาได้

จนถูกมองว่ามี “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นแบ๊กอัพสำคัญ รวมถึงกองหนุนในสายชินวัตร จึงทำให้นายสุทิน คลังแสง ดูมีอำนาจเต็มมือมากขึ้น

จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายสุทินกล้าที่จะลงนามในคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาส่วนตัว รมว.กลาโหม และคณะทำงาน ทั้ง 44 คนแบบรวดเดียว ใน 25 คำสั่งที่เคยแต่งตั้งไว้ โดยไม่เกรงใจใคร

ในจำนวน 44 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และบิ๊กทหารเกษียณ ที่แต่งตั้งไว้ตั้งแต่แรกที่มาเป็น รมว.กลาโหม ด้วยเพราะในเวลานั้นยังใหม่อยู่ ยังไม่รู้จักใคร จึงมีคนเสนอแนะ แนะนำ ให้แต่งตั้งมา จึงมีถึง 25 คำสั่ง คำสั่งละ 1 คน และ 2-3 คน

เหตุผลสำคัญที่ทำให้นายสุทินตัดสินใจโละทิ้งรวดเดียว ที่ปรึกษาทั้ง 44 คน เพื่อเป็นการถนอมน้ำใจคนที่เป็นเป้าหมายของการยกเลิกคำสั่ง เพราะหากยกเลิกเป็นบางคำสั่ง ก็จะทำให้ถูกจับตามองว่าที่ปรึกษาคนดังกล่าวทำอะไรผิดพลาด อีกทั้งในคำสั่งเดียวกัน มีตั้งหลายคน ก็อาจทำให้คนที่มีชื่อร่วมอยู่ด้วยเสียหายไปด้วย

 

นายสุทินยอมรับว่าในจำนวนที่ปรึกษาเหล่านี้ มีบางคนที่นำชื่อ รมว.กลาโหมไปแอบอ้าง จนทำให้เกิดความเสียหาย

โดยมีนายทหารในกองทัพเป็นคนนำข้อมูลมารายงานต่อนายสุทิน เพราะอ้างชื่อ รมว.กห. ไปเรียกรับผลประโยชน์ และโครงการต่างๆ จนทำให้นายสุทินรีบจัดการ

แม้ว่าจะมีคนที่นายสุทินสนิทสนม หรือบางคนใกล้ชิดสายชินวัตร แนะนำ ฝากกันมาก็ตาม เพราะงานนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ช่วยการันตีอีกแรง เพราะมีการอ้างคนใกล้ชิดครอบครัวชินวัตร มาเกี่ยวข้อง พร้อมไฟเขียวให้จัดการปลด และไม่ต้องตั้งมาเป็นที่ปรึกษาอีก

เพราะต้องยอมรับว่า ในช่วงแรกที่นายสุทินมาเป็น รมว.กลาโหม มีรายชื่อเด็กฝากให้มาช่วยงานที่กลาโหมยาวเหยียด ทั้งจากฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารเก่า รวมทั้งมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ช่วยกลั่นกรองในฝ่ายทหารแล้วบางส่วนในเวลานั้นด้วย

โดยในส่วนที่ปรึกษาที่เป็นทหารนั้น นายสุทินได้เคยมอบหมายงานให้ทำ แต่เมื่อจบภารกิจขั้นแรกที่ได้รับมอบหมาย ก็ดำเนินการต่อเอง โดยไม่ได้รับคำสั่งและยังทำนอกกรอบ จนทำให้เกิดความเสียหาย

ก่อนหน้านี้ นายสุทินเคยมีแนวคิดที่จะเชิญที่ปรึกษาส่วนตัวทั้ง 44 คนมาพบที่กลาโหมศรีสมาน เมื่อกลางพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อทำความเข้าใจและจะชี้แจงเหตุผลที่จะขอยกเลิกคำสั่ง

แต่ที่สุดก็ยกเลิกแนวคิดนี้ไป เพราะมีข้อแนะนำว่า หากจะยกเลิก ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกมาพบ

สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กับ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด

แม้ว่าทีมงานของนายสุทิน บางคนจะแนะนำให้เซ็นยกเลิกในบางคำสั่ง ไม่ต้องเซ็นทีเดียวยกเลิกทั้ง 25 คำสั่งหมด

แต่นายสุทินก็ไม่ต้องการให้คนที่ถูกยกเลิกคำสั่ง กลายเป็นที่จับตามองว่าทำอะไรเสียหาย ผิดพลาดจึงได้สั่งการให้เตรียมการยกเลิกทั้ง 25 คำสั่งรวดเดียว โดยลงนามเมื่อ 24 มิถุนายน วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นวันแห่งความเปลี่ยนแปลง โดยมีผลตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2567

แต่ก็เป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจกับอำนาจในมือในฐานะ รมว.กลาโหมของนายสุทิน มากขึ้นและไม่ต้องเกรงใจฝ่ายการเมือง เพราะงานนี้อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็ช่วยให้คำแนะนำด้วย เพราะไม่ต้องการให้นายสุทินเสียหาย หรือผิดพลาด

อันเป็นการสะท้อนว่านายทักษิณก็ต้องการให้นายสุทินคุมกลาโหมต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

โดยจากนี้ นายสุทินจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาชุดใหม่ ทั้งพลเรือน และทหาร ซึ่งพบว่า มีที่ปรึกษาหลายคนมาขอพบนายสุทิน เพื่อที่จะขอกลับมาช่วยงาน

ในตอนนี้ นายสุทินยังคงมีบิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เป็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหมคนเดียวที่เหลืออยู่ เพราะเป็นตำแหน่งที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นคนที่มีความสำคัญต่อนายสุทิน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา นายสุทินไว้วางใจอย่างมากและมอบหมายงานสำคัญที่เป็นงานใหญ่ให้ตลอด จนถูกตั้งฉายาเป็นยาสามัญประจำบ้านของกลาโหม

และเป็นนายทหารสมองเพชรที่มีความชาญฉลาดในการแก้ปัญหาต่างๆ

ทั้งการแก้ไขปัญหาเรือดำน้ำจีน แก้ไขกฎหมายด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม

การแก้ไขพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อสกัดการรัฐประหาร และการปฏิรูประบบการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นแบบแพ็กเกจ

จนถูกตั้งฉายาในกระทรวงว่าเป็น “ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม สมองเพชร” เพราะเป็นคนฉลาดและเป็นส่วนผสมที่ลงตัวทั้งการเป็นทหาร ที่มีจิตวิญญาณความเป็นทหารและการเป็นทหารสมัยใหม่ แนวคิดใหม่ เนื่องจากจบจากนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา

และถือเป็นพี่ใหญ่ในทีมของกลาโหม เนื่องจากเป็นเตรียมทหาร 19 เป็นอดีตรองปลัดกลาโหม และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

การแสดงถึงความมั่นใจกับอำนาจในมือของนายสุทิน ทำให้มีความน่าเกรงขามมากขึ้น รวมทั้งบทบาทการเป็น รมว.กลาโหมพลเรือนคนแรก ที่ไม่ได้เป็นนายกฯ และเป็น รมว.กลาโหมคนแรก ที่มาจาก ส.ส. และความแข็งที่รอดการถูกปรับ ครม.มาได้ ประกอบกับสายตรงถึงนายทักษิณได้ จึงทำให้อำนาจการต่อรองของนายสุทินกับกองทัพมากขึ้น

ซึ่งเป็นจังหวะที่เข้าสู่ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลที่กำลังเริ่มพิจารณาในเดือนกรกฎาคมนี้พอดี ซึ่งบทบาทของนายสุทินกำลังถูกจับตามองว่า จะสามารถมีส่วนร่วมในการจัดโผทหารมากน้อยแค่ไหน

ที่น่าสังเกตคือ นายสุทินให้สัมภาษณ์ในตอนหนึ่ง หลังการรับประทานข้าวกลางวันกับ ผบ.เหล่าทัพ หลังการประชุมสภากลาโหม ว่า ได้พูดคุยเรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารว่าต้องทำให้ทันเวลา และทำให้ดีที่สุด

โดยย้ำว่า แม้กระทรวงกลาโหมจะมีกฎหมาย หลักเกณฑ์ที่ชัดเจน มีประเพณีเรื่องรุ่นที่เคารพกัน และยอมรับกันก็จบ แต่ตนเองในฐานะผู้บังคับบัญชา ก็ต้องดูความเหมาะสม สถานการณ์และภารกิจ และให้ความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดการรังแก เอาเปรียบ ต้องดูว่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือไม่ ยึดตามกฎที่มีอยู่หรือไม่

“แม้แต่ระบบรุ่นที่เขายอมรับกัน ก็ต้องดูว่าไม่ให้ใช้คำว่า ‘รุ่น’ จนไปทำลายศักยภาพ เสียสมรรถนะของกองทัพ” นายสุทินกล่าว

ท่ามกลางกระแสข่าวเตรียมทหารรุ่น 24 จะยึดเก้าอี้ผู้บัญชาการเหล่าทัพครบทุกเหล่าทัพ เพราะจากที่ปัจจุบัน มีบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม บิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด และบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ.แล้ว

ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้จะต้องมีการเปลี่ยนทั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.ทร. เพราะบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. และบิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. จาก ตท. 23 เกษียณราชการ 30 กันยายนนี้

โดยเฉพาะที่ ทบ.กำลังเข้มข้น นับตั้งแต่มีกระแสข่าวว่า “สัญญาณเปลี่ยน” จากที่บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. จาก ตท.26 เป็นเต็งหนึ่งที่มาแรงตั้งแต่เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วได้ไปฝึกหลักสูตรคอแดงเพียงคนเดียว และฟาสต์แทร็ก ขึ้นเสียบยอดเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ทันที และขึ้นเสนาธิการทหารบกเมื่อโยกย้ายที่ผ่านมาเลย

โดยมีชื่อของบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. จากเตรียมทหารรุ่น 24 ที่มาแรง ด้วยเหตุที่ได้รับการสนับสนุนจากนายทหารคอแดงนอก ทบ. และมีพลังของ ตท.24 ช่วยหนุน

เพราะหากใช้การโหวตในคณะกรรมการ 7 เสือกลาโหม ที่ปัจจุบันมีแค่ 6 เสือกลาโหม เพราะไม่มี รมช.กลาโหมนั้น คะแนนของ ผบ.เหล่าทัพทั้ง 3 คนจาก ตท.24 ก็ถือว่าครึ่งหนึ่ง 3 เสียงแล้ว

และหาก พล.อ.เจริญชัย หนุน พล.อ.ธราพงษ์ อีกหนึ่งเสียง ก็จะทำให้ พล.อ.ธราพงษ์ ชนะโหวตได้ แต่คาดว่า พล.อ.เจริญชัย ก็คงจะไม่ต้องการให้โหวต

เพราะแม้ทั้ง พล.อ.สนิธชนก พล.อ.ทรงวิทย์ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จะเป็น ตท.24 ด้วยกัน แต่ก็อาจคิดแตกต่างกัน ยิ่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.เป็นทหารคอแดงและต้องดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) ด้วยแล้ว ก็ทำให้ ผบ.เหล่าทัพ จะไม่ยุ่งเกี่ยว

โดยจะให้เป็นเรื่อง ผบ.ทบ. และ ฉก.คอแดง

พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ

แม้ว่า พล.อ.ธราพงษ์ จะมีกองเชียร์ใน ตท.24 และทหารคอแดงสายบูรพาพยัคฆ์ถิ่นกำเนิดของ พล.อ.ธราพงษ์ และบิ๊กทหารคอแดง อดีตบิ๊ก ทบ. ระดับคีย์แมนก็ตาม

แต่สายสัมพันธ์ของ พล.อ.พนา ที่เป็นลูกชาย พล.อ.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ ที่เมื่อครั้งรับราชการในกองทัพ ก็ถวายงานมาตลอด ใน ทม.รอ. โดยที่ พล.อ.พนาในวัยเด็ก ก็ได้เข้าเฝ้าฯ และรับเสด็จฯ อยู่เนืองๆ ก็ทำให้ พล.อ.พนา ยังมาแรง

อีกทั้งเตรียมทหารรุ่น 26 เพื่อนร่วมรุ่นของ พล.อ.พนา ก็เติบโตจ่อคิวอยู่ในกองทัพบกหลายตำแหน่ง อีกทั้งยังมี เสธ.คิม พล.อ.อ.เสกสรร คันธา เสนาธิการทหารอากาศ ที่จ่อคิวจะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนต่อไปในปลายปีหน้าก็เป็นเตรียมทหารรุ่น 26 ด้วย

แม้จะมีพลังของเตรียมทหารรุ่น 24 และทหารคอแดงนอกกองทัพบก แต่เตรียมทหารรุ่น 26 ก็ยังคงมั่นใจในสัญญาณเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับ พล.อ.พนาที่ในเวลานี้ พยายามเก็บตัวลดบทบาท และพยายามหลบเลี่ยงสื่อ

ก่อนหน้านี้ในการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพลกลางปีก็เคยเป็นที่กล่าวถึงมาแล้วที่นายสุทินไฟเขียวให้นายทหารเตรียมทหารรุ่น 24 ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งชั้นนายพล ก่อนเกษียณในกลาโหมรวดเดียวถึงกว่า 30 คน ที่เป็นการแสดงความรอมชอมกับ พล.อ.สนิธชนก แกนนำเตรียมทหาร 24

จนทำให้ถูกจับตามองว่า นายสุทินยอมเกินไปหรือไม่

สุทิน คลังแสง,พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม

ขณะที่กองทัพเรือก็ฮือฮา จากคำพูดของนายสุทิน ในเรื่องรุ่น การให้ความเป็นธรรม และดูแลไม่ให้มีการรังแกกัน ว่า หมายถึงการชิงเก้าอี้ ผบ.เหล่าทัพใด หมายถึง ตท.24 กับ ตท.26 ใน ทบ. หรือรวมถึงเก้าอี้ ผบ.ทร.ด้วย

เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า ในกองทัพเรือมีแคนดิเดต 3 คนที่เกษียณ 2567 พร้อมกันหมด แต่คาดกันว่า พล.ร.อ.อะดุง จะเสนอชื่อบิ๊กโอ๋ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วย ผบ.ทร. เพื่อนรักเตรียมทหาร 23 ขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสัญญาใจของเพื่อน ที่เคยหลบทางให้ พล.ร.อ.อะดุง ขึ้นเป็น ผบ.ทร.ก่อน 1 ปี แล้วจะให้ พล.ร.อ.ชลธิศ เป็น ผบ.ทร.ในปีสุดท้าย

แต่ พล.ร.อ.อะดุง ก็ยังมีบิ๊กน้อย พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ จากเตรียมทหารรุ่น 24 เป็นแคนดิเดตอีกคน ที่เอาไว้สู้กับรองวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทร. เพราะ พล.ร.อ.วรวุธ เติบโตมาแบบม้ามืด ไม่ได้เป็นที่จับตามองในกองทัพเรือมาก่อน

แต่ด้วยความที่เป็นน้องรักของบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย อดีต ผบ.ทร. ที่เคยทำงานด้วยกันสมัยบิ๊กห้าว พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ เป็น ผบ.ทร. และ รมว.คมนาคมในรัฐบาล รสช. จึงสนิทสนมกัน

พล.ร.อ.สมประสงค์ ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันให้บิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมแพทย์ ได้ขึ้นมาเป็น ผบ.ทร. และส่งไม้ต่อให้ พล.ร.อ.อะดุง เป็น ผบ.ทร.ต่อจนปัจจุบัน

ทหารเรือเดาใจกันได้ไม่ยากว่า จะไม่สนับสนุน พล.ร.อ.สุวิน เป็น ผบ.ทร.

พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.

เป็นที่รู้กันดีว่า พล.ร.อ.สุวิน อยู่ในสถานะการถูกล้อมไปด้วยแคนดิเดตรุ่นพี่ ที่คอยสกัดไม่ให้ขึ้นสู่ตำแหน่งมาตลอด

แต่ด้วยการเป็นนายทหารดาวรุ่งของกองทัพเรือ โปรไฟล์ดีมาตั้งแต่เป็นนายนาวา ที่เคยเป็นทั้งผู้บังคับการเรือหลวงจักรีนฤเบศร จนเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้บังคับหน่วยรบตั้งแต่ ผบ.กองเรือลำน้ำ เป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการและผู้ช่วย ผบ.ทร. จึงทำให้ขึ้นมาถึงจุดนี้

แม้จะอาวุโสสูงสุดมาเป็นปีที่ 3 เพราะเป็นดาวรุ่งในกองทัพเรือมายาวนาน แต่เพราะเป็นรุ่นน้อง ตท.25 จึงให้ย่ำเท้ารอให้รุ่นพี่เป็นก่อนมาแล้ว 2 คน จนจะเกษียณกันยายน 2568 นี้ พร้อมรุ่นพี่

ครั้งนี้จึงเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายของ พล.ร.อ.สุวิน ที่ถูกสกัดบทบาทในทุกทิศทาง

และต้องไม่ลืมว่าในการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี 2566 ที่ผ่านมาในปลายสมัยของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมนั้นมีข่าวสะพัดว่า ได้เคยมีสัญญาใจกับบิ๊กจ๊อด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร.ในขณะนั้น ที่เจรจาขอให้ พล.ร.อ.อะดุง เป็น ผบ.ทร.ก่อน 1 ปีแล้วให้ พล.ร.อ.สุวิน ขึ้นมาจ่อรอเป็นรอง ผบ.ทร. เพื่อที่จะเป็น ผบ.ทร.ในโยกย้ายปลายปีนี้

แต่นั่นก็เป็นเพียงสัญญาปากเปล่า อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่อยู่ในอำนาจแล้ว ส่วน พล.ร.อ.เชิงชาย ก็เกษียณราชการไปแล้ว พล.ร.อ.อะดุง จึงไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญานั้น

 

แต่นายสุทินก็ไม่ได้มีอำนาจถึงขั้นที่จะทำให้ พล.ร.อ.อะดุง เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าในใจของ พล.ร.อ.อะดุง มีแค่ พล.ร.อ.ชลธิศ เพื่อนรัก หรือ พล.ร.อ.วรวุธ น้องรักเท่านั้น

แม้หากจะมีการโหวตในบอร์ด 7 เสือกลาโหม ก็ยังยากที่จะคาดเดาใจ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ ที่เป็น ตท.23 และ ตท.24 อีกทั้ง ผบ.เหล่าทัพก็มักจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งของเหล่าทัพอื่น ยกเว้นเป็นการเสนอแนะของ รมว.กลาโหม

แต่อย่างไรก็ตาม นายสุทินอาจไม่ใช่สถานีสุดท้ายของโผแต่งตั้งโยกย้ายทหาร แต่ต้องถึงมือนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี

และยิ่งกว่านั้น อาจต้องฟังทิศทางจากบ้านจันทร์ส่องหล้าอีกด้วย