“โค้งสุดท้าย” วันชี้ชะตา | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

4 คดีใหญ่ไฟพะเนียงแตก ที่ร้อยเหงือก ชะตากรรมต้องกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา เรียบร้อยนำร่อง สบายใจเฉิบไปก่อนใครเพื่อน คือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกันตัวในคดีมาตรา 112

ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างพิจารณา โดยให้ตีราคาหลักประกันวงเงิน 500,000 บาท กับให้จำเลยวางหนังสือเดินทาง และหลักประกันทำสัญญา ห้ามจำเลยเดินทางออกราชอาณาจักร และศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคม 2567

และลุ้นระทึกกันในลำดับถัดไป ต่อคิวจาก “ทักษิณ ชินวัตร” คือกรณี “ศาลรัฐธรรมนูญ” พิจารณาคำร้องกรณีสมาชิกวุฒิสภา หรือ 40 ส.ว.ยื่นให้ศาลวินิจฉัยถอดถอน “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เหตุแต่งตั้ง “นายพิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ผลการพิจารณา “ศาลรัฐธรรมนูญ” พิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่รับหนังสือ เพื่อประกอบพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 10 กรกฎาคม 2567

และทาง “นายเศรษฐา ทวีสิน” ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปเพียงคนเดียวคือ “นางณัฐฏ์จารี อนันต์ศิลป์” เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะบุคคลที่รู้กระบวนการทั้งหมดมาแต่ต้น

คดี 40 ส.ว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “นายเศรษฐา ทวีสิน” สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวมีความหวั่นไหวค่อนข้างสูง แต่พลันที่ทาบทามมือกฎหมายระดับพระอาจารย์ “วิษณุ เครืองาม” เนติบริกรมาเป็นกุนซือ นั่งแป้นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้ นำสองสิ่งสำคัญอย่างยิ่งกลับมาอีกครั้ง หนึ่งคือ “ความหวัง” สอง “ความมั่นใจ” ว่าคดีนี้จะได้รับชัยชนะ

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ทีมกฎหมายของ “นายกฯ นิด” เตรียมยื่นเอกสาร หลักฐาน ขอบข่ายและอำนาจ ส.ว.รักษาการ ซึ่ง 40 ส.ว.ไม่มีสิทธิเข้าชื่อยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัย ประกอบกับ ส.ว.บางคนที่ร่วมลงชื่อ พิสูจน์ได้ว่า ป่วย ไม่น่าจะมาร่วมลงลายมือชื่อได้ ดิสเครดิต เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง และยื่นเอกสารคัดค้านหวังลากยาว

แต่มือทองสมองเพชรที่ชื่อ “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษานายกฯ ชี้ทางสว่างว่า ตอบแค่ข้อแรกข้อเดียวปิดเกม จะไม่มีโจทย์ข้อที่ 2 และ 3 ตามมาอีก จึงมีจุดลงตัวที่ส่งพยานเพิ่มเติมไปเพียงรายเดียวคือ “นางณัฐฏ์จารี”

และเหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิดแล้ว ที่จะถึง 10 กรกฎาคม วันชี้ชะตา “นายเศรษฐา ทวีสิน”

สรุป และฟันธงไม่ได้ว่า “นายกฯ นิด” จะได้ไปต่อ หรือจอดป้าย แต่ดูอากัปกิริยา เจ้าตัวค่อนข้างมั่นใจ แต่ไม่เกินเหตุ ยังมากด้วยความระมัดระวัง กรณีที่ได้ไปต่อ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว จะยกคำร้อง ยกฟ้อง คือชนะคดี ได้ไปต่อไม่มีอะไรในก่อไผ่

ในทางกลับกัน จะเกิดประเด็นร้อนมาโดยพลัน หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องของ 40 ส.ว.สิ้นสุดลง เนื่องจากเห็นว่า อาศัยอำนาจหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรึ กระทำการโดยเจตนาไม่สุจริต ในการแต่งตั้ง “นายพิชิต ชื่นบาน” ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก้าวลงจาก “หลังเสือ”

สภาผู้แทนราษฎร ต้องนับหนึ่งกันใหม่ “พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี…จากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองได้แจ้งไว้ และเฉพาะจากพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด”

ไล่ลำดับไหล่ จากพรรคร่วมด้วยกันที่เข้าข่าย ตามไฟต์บังคับข้างต้น “เพื่อไทย” แกนนำ เหลืออยู่ 2 คนคือ “ชัยเกษม นิติสิริ” กับ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” แต่จากคำบอกกล่าวเล่าสิบ “ชัยเกษม” มีปัญหาสุขภาพเป็นอุปสรรค มารับใช้ประเทศในตำแหน่งเบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้าลำบาก ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” องคาพยพพร้อม ดีเอ็นเอดี ก็ประเภทหนึ่ง ลำดับหนึ่ง

แต่เจอบังตอเล่มเขื่อง คือ “คุณหญิงอ้อ” ไม่อนุญาต ห้ามเด็ดขาด ประเมินสถานการณ์อย่างถ่องแท้แล้ว ขัดเกลา สะสมประสบการณ์ไปอีกระยะ ค่อยมาว่ากันอีกรอบ ที่เป็นเยี่ยงนี้ “แม่” ไม่อยากให้ลูกสาวเหมือนพ่อกับน้าสาว จึงเหยียบเบรกสุดแรงเกิด

จับเจตนาและอารมณ์ คนที่โชว์ฟิตแอนด์เฟิร์มมากที่สุด ที่พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป หาก “นายเศรษฐา” ถูกสอย สายตาทุกสายจับจ้องมองไปที่ “ลุงบ้านป่าฯ-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

มีการรวบรวมเหตุและปัจจัย ที่ทำให้ “ลุงป้อม” แสดงอาการ ออกตรรกะแปลกๆ อยากขึ้นทำเนียบนามนายกรัฐมนตรีตอนเฒ่าชะแรแก่ชรา อำกันเป็นตุเป็นตะว่า คนใกล้ชิดเอาวันเดือนปีเกิด ที่เคยนำไปให้พระอาจารย์ ครูบาชื่อดังจังหวัดเชียงราย ทำนายทายทัก ปรากฏว่า บุญพาวาสนาส่งถึงนายกรัฐมนตรี

สอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พอดิบพอดีกับสถานการณ์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน “ทักษิณ” โดนคดีมาตรา 112 “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดวินิจฉัย” นายเศรษฐา ทวีสิน” และ “คดียุบพรรคก้าวไกล”

กรณีที่ “นายกฯ นิด” ถูกเว้นวรรค แล้วพรรคก้าวไกลถูกยุบ จะเกิดมหกรรม “ผึ้งแตกรัง”

พรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” เสียงปริ่มๆ เกินร้อยละ 5 อยู่นิดหนึ่งหน่อยเดียวก็จริง แต่หากก้าวไกลถูกยุบ จะมีงูเห่าแหกด่านมะขามเตี้ยย้ายสังกัดกันจำนวนมาก และตกปากรับคำว่า จะแห่มาไหลรวมกันที่ “บ้านป่ารอยต่อ” ไม่น้อยกว่า 30 ชีวิต เมื่อก่อนตบเด็ก ตอนแก่คบเด็ก รวมกันแล้ว พปชร.หน้าตักเดิม ปาเข้าไป 70-80 ที่นั่งเข้าไปแล้ว

ตีกรรเชียงแซงทางโค้ง ขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ 2-3 เป็นรองก็แต่พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล ข้ามหัวภูมิใจไทยไปเรียบร้อย “ลุงป้อม” จะบานไม่รู้โรย ขึ้นลิฟต์เป็นนายกฯ คนใหม่

แต่มีข่าวว่า หาก “นายเศรษฐา ทวีสิน” ตกบันไดในวันที่ 10 กรกฎาคม คนที่ราศีจับ ผิวพรรณดีที่สุด คือ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เขียนชื่อเสียบไว้ใต้หมอนเล่นๆ ได้ครับ