E-DUANG : การเมืองยุคใหม่ เปิดหน้าชน เปิดประเด็น ฟาดกระหน่ำชัด

ไม่ว่าการเปิดประเด็นว่าด้วยการตัด”บัญชีรายชื่อ”ออกจากระบบเลือกตั้ง ไม่ว่าการเปิดประเด็นว่าด้วยการตัด”พรรคพลังประชารัฐ”ออกจากการร่วมรัฐบาล

ดำเนินไปในกระบวนท่าแห่งการต่อยอดและตัดต่อทางการเมืองอันมากด้วยความแยบยลทางการเมือง

คัดสรร”ปัจจัย”แน่นหนา กำหนด”เป้าหมาย”ชัดเจน

สะท้อนให้เห็นว่าคนที่ขับเคลื่อนดำเนินการมิได้เป็น”ละอ่อน”

หากแต่มากด้วยความจัดเจน รู้ทางหนีทีไล่ในทางการเมืองอย่างเจนจบครบเครื่อง

รู้ว่าจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย จุดแข็งของพรรคก้าวไกลอยู่ตรงไหน รู้ว่าจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย จุดอ่อนของพรรคก้าวไกลอยู่ตรงไหน

เพราะว่าระบบเขต พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลได้เท่ากัน คือ 121 เขต ระบบบัญชีรายชื่อต่างหากที่ทำให้พรรคก้าวไกลอยู่ที่ 151 พรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 141

ยิ่งกว่านั้นคะแนนของพรรคก้าวไกลในหลายพื้นที่ระบบบัญชีรายชื่อนำโด่งเหนือพรรคบ้านใหญ่แม้จะเป็นงูเจ้าถิ่น

ยิ่งข่าวการตัด”พรรคพลังประชารัฐ”ยิ่งยวนเย้า เร้าใจ

 

เป็นความยวนเย้าเร้าใจที่เส้นทางข่าวการเคลื่อนไหวของ 40 สมาชิกวุฒิสภา”เก่า”ซึ่งพุ่งเป้าเล่นงาน”นายกรัฐมนตรี”มีสาย สัมพันธ์กับพรรคการเมืองใด

เมื่อมิได้เป็นสายยาวอันลากมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ย่อมลากไปหาพรรคพลังประชารัฐได้ไม่ยากเย็น

แม้ในเบื้องต้น”คนบ้านจันทร์ส่องหล้า”จะระมัดระวังเป็นอย่างสูงเปรยแต่เพียงแผ่วเบาว่าสะท้อนการเมือง”ลี้ลับ”แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ฟันธง

ความวุ่นวายการเมืองวันนี้มาจากคนใน”บ้านป่า”

ท่วงทำนองในการเอ่ยอ้างยังมากด้วยความระมัดระวัง ปล่อยออกมาเพียงแต่วลีที่ว่า”บ้านป่า”โดยมิได้ระบุเด่นชัดว่าเป็นบ้านป่าที่ปักหลักอยู่ในที่ใด

กระนั้น ในโลกการเมืองของไทย คำว่า”บ้านป่า”จะเป็นที่ใดมิได้นอกเสียจาก”บ้านป่ารอยต่อ”

 

รากฐานการเปิดประเด็นว่าด้วยจะตัด”บัญชีรายชื่อ”ออกจากระบบ รากฐานการเปิดประเด็นว่าด้วย”พลังประชารัฐ”

มิได้เกิดขึ้น ดำรงอยู่บนความว่างเปล่า ไร้ที่มา ไม่มีที่ไป

กระบวนการเปิดประเด็นจึงเท่ากับเป็นการเปิดหน้าชนในทางการเมืองออกมาอย่างชนิดตรงตัว ไม่อ้อมค้อม ดำเนินไปในเส้นทางแห่ง”แค้นนี้ต้องชำระ”

จับถ้อยคำสำนวนออกมาวิเคราะห์แยกแยะก็จะมองเห็นเส้นทางได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าไผเป็นไผในทางการเมือง