E-DUANG : สงคราม ระหว่าง รุ่นและวัย จากพรรคเพื่อไทย สู่ก้าวไกล

เหตุปัจจัยอะไรทำให้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ถึงกับ”ปรี๊ดแตก”กระทั่ง เก็บ”อาการ”ไม่อยู่ในกรณีอันเกี่ยวกับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิ จารณา”ร่างพรบ.งบประมาณ”ประจำปีงบประมาณ 2568

ทั้งๆที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ มิได้เป็น 1 ใน 15 กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล

มีคนกระซิบว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ แสดงบท”โฆษกพรรค”

เหมือนกับความหงุดหงิดจะมาจากบางสำนวนที่ปรากฏใน โพสต์ของ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ในฐานะนักการเมืองไม่ควรทำตัวเป็นเด็กน้อย เอาแต่ใจตัวเอง เอะอะโวยวาย ร้องงอแง ตีอกชกตัวจะเอาให้ได้”

หากแต่ที่สำคัญและกลายเป็นปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริงเนื่อง จากประโยคที่ว่า “หากพรรคก้าวไกลไม่ร่วมเป็นกรรมาธิการ ก็น่าเสียดาย” และเห็นว่า “เป็นการสร้างฉากการเมือง”

นั่นแหละคือที่มาแห่งการยืนยัน “พรรคก้าวไกลไม่เคยและไม่ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ เราพร้อมทำหน้าที่เต็มที่ร่วมกับกรรมาธิการจากพรรคอื่นในการตรวจสอบให้ข้อเสนอแนะ”

ปัจจัยนี้ต่างหากที่ทำให้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ต้องมี”อาการ”

เนื่องจากสถานะของ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ มิได้เป็นเพียง อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็น”รัฐมนตรี”เท่านั้น

หากในปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็น”ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี” ทำงานใกล้ชิดกับ”นายกรัฐมนตรี”

นั่นแหละจึงทำให้ถ้อยคำการตอบโต้เรียกร้องในระดับ

“ผมอยากเห็นท่านเป็น”มนุษย์ที่มีความรับผิดชอบและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องก่อนจะไปกล่าวหาคนอื่นผ่านข้อมูลเท็จ”

ต้องยอมรับว่าโดยวัยแล้ว นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ รุ่นหลัง และให้ความเคารพต่อผู้มาก่อนในฐานะ”ผู้อาวุโส”มาตลอด

แต่เมื่อประสบกับ”น้ำเสียง”อันมาจาก นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ จึงเกิดความหงุดหงิดและตอบโต้ด้วยความรุนแรงกลับ

 

ต้องยอมรับว่า”อารมณ์”อันมาจาก นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เป็นฐานให้กับ”อารมณ์”อันมาจาก นายพริษฐ์  วัชรสินธุ ล้วนสะท้อน”ตะกอน”ความรู้สึกในลักษณะเคย”นอนก้น”

แต่สิ่งที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ไม่สามารถยอมรับได้อย่างเด็ดขาดก็คือ ปฏิกิริยาอันเป็นรากฐานของ”ผู้อาวุโส”มิได้อยู่กับความเป็นจริงอย่างถูกต้องหากเป็นความเท็จ

เชื่อได้เลยว่าแต่ละหมัดที่กระหน่ำเข้าใส่กันจะประทับตรึงในสำนึกและความรู้สึกไปอีกยาวนาน ยากจะลบเลื่อนได้โดยง่าย