‘นายกฯไทย-ลาว’​ วางศิลาฤกษ์สร้างสะพานมิตรภาพบึงกาฬ-บอลิคำไซ คาดเปิดปี 67

‘นายกฯไทย-ลาว’​ วางศิลาฤกษ์สร้างสะพานมิตรภาพบึงกาฬ-บอลิคำไซ วงเงิน 3.65 พันล้าน คาดเปิดปี 67

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ และ แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน พร้อมด้วยนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม คณะผู้บริหาร กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง (ทล.) และกรมขัวทาง กระทรวงโยธาธิการและขนส่งร่วมงาน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล ที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศไทย ทั้ง 4 มิติ ได้แก่ บก ราง น้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงการเดินทางสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างไร้รอยต่อ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในภูมิภาค ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงการเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ด้วยระบบการคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งต่อมา คณะรัฐมนตรี ในปี 2562 ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว และผู้แทนรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่งแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมทั้งได้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยการก่อสร้าง จังหวัดบึงกาฬ เพื่อกำหนดขอบเขตงานก่อสร้าง

สำหรับโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) วงเงินก่อสร้าง 3,653,121,512 บาท ที่ร่วมลงทุนโดยรัฐบาลไทย 2,500,743,850 บาท และรัฐบาล สปป.ลาว 1,152,377,662 บาท แบ่งความรับผิดชอบการก่อสร้างจากกึ่งกลางสะพาน ปัจจุบันมีความคืบหน้าในภาพรวมทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวอยู่ที่ 57% (ณ เดือนกันยายน 2565)

โดยฝั่งไทยได้แบ่งก่อสร้างออกเป็น 3 ตอนดังนี้ ตอน 1 งานถนนฝั่งไทย มีที่ตั้งโครงการบน ทล.244 ระหว่างกิโลเมตร (กม.)​ 0+000-9+400 ระยะทาง 9.400 กม. จ.บึงกาฬ ค่างาน 831,110,000 บาท เริ่มสัญญา 30 มิถุนายน​ 2563 สิ้นสุด 16 ธันวาคม​ 2565 บริษัทบัญชากิจจำกัดเป็นผู้รับจ้าง ผลงานคืบหน้า 71%

ส่วนตอน 2 งานถนนฝั่งไทย และด่านพรมแดนฝั่งไทย ที่ตั้งโครงการบน ทล.244 ระหว่าง กม.9+400-12+082.930 ระยะทาง 2.683 กม. จ.บึงกาฬ ค่างาน 883,110,000 บาท เริ่มสัญญา 25 กันยายน 2563 สิ้นสุด 13 มีนาคม 2566 บริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัดเป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 64%

ตอน 3 งานสะพานข้ามแม่น้ำโขงฝั่งไทย (รวมงานปรับปรุงสี่แยก ทล. 212 และลานอเนกประสงค์ใต้สะพาน) ระหว่าง กม.12+082.930-13+032.930 ค่างาน 786,523,850 บาท เริ่มสัญญา 24 พฤศจิกายน​ 2563 สิ้นสุด 8 พฤศจิกายน​ 2566 บริษัทนภาก่อสร้างจำกัดเป็นผู้รับจ้าง คืบหน้า 32%

ส่วนฝั่งลาวแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ตอน วงเงินรวม 1,152,377,662 บาท ได้แก่ ตอน 1 งานสะพานข้ามแม่น้ำโขง วงเงิน 379,197,662 บาท คืบหน้า 43% และตอน 2 งานอาคารด่านพรมแดน วงเงิน 773,180,000 บาท คืบหน้า 64% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 67

สำหรับโครงการนี้มีระยะทาง 16.34 กม. แบ่งเป็นถนนฝั่งไทยยาว 13.033 กม. และถนนฝั่งลาวยาว 3.307 กม. แนวเส้นทางเริ่มต้นที่ฝั่งไทย ช่วงจุดตัดทางหลวงหมายเลข 222 บนพื้นที่ ต.วิศิษฐ์ ต.ไคสี และ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ มุ่งไปทางทิศตะวันตกเลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตัดกับทางหลวงชนบทหมายเลข บก. 3217 ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านหนองนาแซง มุ่งหน้าไปยังทิศทางเดิมและตัดกับทางหลวงชนบทหมายเลข บก. 3013 เลี้ยวขวาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านพรมแดนฝั่งไทย และยกข้ามทางหลวงหมายเลข 212 ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำโขง 200 เมตร

จากนั้นจะข้ามแม่น้ำโขงผ่านจุดสลับทิศทางจราจร และด่านพรมแดนฝั่ง สปป.ลาว สิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 13 ลักษณะโครงการเป็นรูปแบบทางหลวง ถนนขนาด 4 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร ในเขตทาง 60 เมตร รูปแบบสะพานข้ามแม่นํ้าโขงเป็นแบบสะพานคานขึงคอนกรีตอัดแรงรูปกล่อง ขนาด 2 ช่อง มีไหล่ทางและทางเท้า ความยาวช่วงข้ามแม่นํ้าโขง 810 เมตร และทางลาดขึ้นลงสะพานทั้งสองฝั่ง รวมความยาวสะพานทั้งหมด 1,350 เมตร มีด่านควบคุม อยู่ทั้ง 2 ฝั่งประเทศ และมีจุดสลับทิศทางจราจรอยู่ในฝั่ง สปป.ลาว

นอกจากนี้ แนวคิดในการออกแบบโครงสร้างสะพานได้มีการนำ “แคน” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีท้องถิ่น มาใช้ในการกำหนดรูปแบบทางสถาปัตยกรรม สะท้อนให้เห็นถึงความสนุก รื่นเริง ความเป็นมิตรไมตรี ความคุ้นเคย และความเป็นกันเองในวัฒนธรรมของประเทศไทย และ สปป.ลาว ส่งเสริมสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างสองประเทศ สร้างความเจริญทางด้านสังคม และเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สะพานดังกล่าวยังมีระบบเฝ้าติดตามพฤติกรรมสะพาน เพื่อใช้สำหรับติดตามสภาพโครงสร้างของสะพานได้ตลอดเวลาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้การตรวจสอบสะพานง่ายขึ้น ลดภาระการเข้าไปตรวจสอบด้วยคน และสามารถช่วยในการตัดสินใจในการเลือกมาตรการดำเนินการกับโครงสร้างสะพาน

โครงการแล้วเสร็จจะสร้างประโยชน์การพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ ทั้งพื้นที่ จ.บึงกาฬ และ แขวงบอลิคำไซ ให้เป็นประตูการค้าที่สำคัญในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากไทยไปสู่ตลาดจีนตอนใต้และเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากภาคกลางของ สปป.ลาว สู่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อขนส่งทางทะเลไปยังภูมิภาคอื่นต่อไป

นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้านการขนส่ง ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ ACMECS (แอ็ก-เม็กส์) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยง 5 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา-ไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม-กัมพูชาอีกด้วย