ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองสมุทรสาคร สนธิกำลังตำรวจ บุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองมหาชัย พร้อมอุปกรณ์ของกลางจำนวนมาก มูลค่ากว่า 1.4 แสนบาท

ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองสมุทรสาคร สนธิกำลังตำรวจ บุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองมหาชัย พร้อมอุปกรณ์ของกลางจำนวนมาก มูลค่ากว่า 1.4 แสนบาท ผู้ว่าฯเน้นย้ำบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากพบเบาะแส แจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ทันที

วันนี้ (25 มิ.ย. 67) นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการ ของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาครหลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณถนนราชอุทิศ (เทศบาล 8) ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ตนจึงได้มอบหมายให้ นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร และ ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร สั่งการ นายปฐม เอมโอษฐ์ ป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร บูรณาการกำลังกับปลัดอำเภอเมืองสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสมุทรสาคร และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนกองร้อยบังคับการและบริการ ร่วมลงพื้นที่จับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่จำนวน 1 ร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกันจำนวน 753 ชิ้น มูลค่ารวม 149,250 บาท ทั้งนี้ ทางชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับร้องเรียนจากประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเป็นจำนวนมากว่า มีการมีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร ซึ่งตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที และพบว่ามีร้านที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงจำนวน 1 ร้าน โดยมีชื่อร้านว่า ร้าน “Piggy” ตั้งอยู่บริเวณถนนราชอุทิศ (เทศบาล 8) ตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจากการเข้าดำเนินการของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฯ พบว่าร้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาคารชุดประตูทางเข้าเป็นกระจกปิดด้วยสติ๊กเกอร์รูปหมูพ่นควัน ภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์วางอยู่ในตู้กระจกใสตั้งอยู่บริเวณกลางร้านและพบผู้ชายจำนวน 1 ราย ยืนอยู่หลังตู้กระจกภายในร้าน

นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยชายดังกล่าวได้ให้การยอมรับว่าที่ร้านมีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชนจริงซึ่งเขาเป็นผู้จำหน่าย ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฯ ได้ทำการตรวจค้นภายในร้าน พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด 753 ชิ้น มูลค่ารวม 149,250 บาท และได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้ “ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 และมาตรา 246 วรรคแรก ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557” และ “ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้าบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฯ ได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายในเบื้องต้นให้ ผู้ถูกจับกุม ทราบและเข้าใจดีแล้ว ก่อนที่จะรวบรวมของกลางทั้งหมด พร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดสมุทรสาคร (กลุ่มงานความมั่นคง) และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครเพื่อดำเนินคดีต่อไป

นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดสมุทรสาครได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิเช่น การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข