ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จับมือ บูติคนิวซิตี้ จำกัด มุ่งพัฒนา Fashion Creator และ Sustainable Fashion ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องแต่งกายชั้นนำประเทศไทย เพื่อพัฒนาทักษะบุคลากร สร้างสรรค์คอนเทนต์ และผลักดันธุรกิจเสื้อผ้า Sustainable Fashion ของประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก ผศ. ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ คุณปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ประธานกรรมการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ลงนาม ณ ห้อง Silk 3 ไบเทค บางนา

สำหรับการลงนาม MOU ครั้งนี้เป็นข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมผลิตพัฒนาบุคลากร-นักศึกษ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ ข้อมูลและประสบการณ์ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่น และ คอนเทนต์ออนไลน์ด้านแฟชั่น รวมไปถึงการสร้างความตระหนักผู้บริโภคยุคใหม่เข้าใจและให้ความสำคัญกับ Sustainable Fashion มากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันโลกและธุรกิจแฟชั่นของประเทศไทยเติบโตสู่ความมั่นคงและยั่งยืน

คุณปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ประธานกรรมการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว โดยเฉพาะโลกของการตลาดออนไลน์ที่กลายเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจ แต่ความรู้และประสบการณ์ทางด้านนี้ยังคงจำกัด ทางบริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) จึงได้เข้าร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่มีนักศึกษารุ่นใหม่ที่มีทักษะดิจิทัลและทักษะทางด้านการออกแบบแฟชั่น และมีความพร้อมในการพัฒนาจากการเรียนรู้ระบบงานจริง และสร้างเสริมประสบการณ์ที่จำเป็นต่อการทำงาน เพื่อช่วยกันผลักดันโลกและธุรกิจแฟชั่นของประเทศไทยเติบโตสู่ความมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนั้นการเน้นย้ำจุดยืนของแนวคิดการทำงานในเรื่อง Sustainable Fashion ที่รับผิดชอบต่อสังคม มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ การนำกลับมาใช้ใหม่ การยืดอายุของผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่น ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกันกับมหาวิทยาลัย คือ การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนธุรกิจแบบยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

“การทำการตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำธุรกิจ แต่ไม่มีใครรู้จักตลาดออนไลน์ได้ดีเท่าคนรุ่นใหม่ เนื่องจากออนไลน์เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่เกิน 10 ปี เพื่อให้เราเรียนรู้และก้าวตามทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราต้องเป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันการศึกษา เพราะนักศึกษาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเข้าใจกับระบบออนไลน์แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในธุรกิจ การช่วยให้นักศึกษาได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูล นอกจากจะช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์เนื้อหาคอนเทนต์ การสร้างแฟชั่นครีเอเตอร์หรือคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ที่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายและมีประสิทธิภาพไปสู่การสร้างให้เกิดยอดขายจริง ยิ่งไปกว่านั้นการเสริมสร้างความเข้าใจทางด้าน sustainable fashion ให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรม จะนำไปสู่โลกที่ยั่งยืนและธุรกิจแฟชั่นที่เติบโตอย่างมั่นคง”

“การที่นักศึกษาได้เข้ามาในองค์กรยังช่วยเสริมสร้างให้ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพ และประโยชน์ต่อองค์กรทันทีที่เข้ามา ขณะเดียวกันก็จะสามารถพัฒนาทักษะการทำงานที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาได้งานและทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้เรียนจบก่อนแล้วค่อยประกอบธุรกิจประสบความสำเร็จ เชื่อว่านักศึกษาสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองและก็ประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่วันนี้ เมื่อเขาเรียนแล้วสามารถนำไปใช้งานได้ในทันที”

ผศ. ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดี สายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ระบุว่า ความร่วมมือของทั้ง 2 องค์กร จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นการเติบโตที่ยั่งยืนสำหรับธุรกิจแฟชั่นได้มากขึ้นเป็นอย่างดี เพราะตลอดเวลามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้มีบทบาทสำคัญและตอบโจทย์ให้กับประเทศชาติ รวมถึงภาคเอกชน โดยเฉพาะในเรื่องของความยั่งยืนหรือ Sustainability ให้กับนักศึกษาและบุคลากร รวมถึงเรื่องของการทำ Content Branding Data Analytics และ Social Listening เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคตได้ทัน และนำเอาความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ให้กับผู้ประกอบการไทยเติบโต

“การได้ร่วมมือในวันนี้เป็นก้าวที่ดี เพราะมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เรามีวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ให้กับธุรกิจในประเทศ และมีการพัฒนาบุคลากรและนักศึกษาที่ต้องคำนึงถึงเรื่องของ Sustainability สภาพแวดล้อม และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ รวมถึงการคำนวณคาร์บอนในสินค้าและบริการแบบง่ายๆ เพื่อให้นักศึกษาทุกคนเมื่อไปทำงานแล้วรู้ว่าจะสร้าง หรือพัฒนาองค์ความรู้ขององค์กรให้ตอบโจทย์กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรบ้าง”

“นอกจากนี้เรายังมองอย่าง Forward-thinking อนาคตประเทศชาติต้องการบุคลากรแบบไหน เราจะทำล่วงหน้าเสมอ เช่น การทำการศึกษาร่วมกับประเทศจีนที่ทำมาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว ทำให้เรามีความใกล้ชิด และมีเครือข่ายที่สร้างโอกาส เราได้เข้าไปเรียนรู้เรื่องของ Tiktok หรือที่เรียกว่า Douyin ในประเทศจีน ที่ผู้ประกอบการในแพลตฟอร์มนั้นเขาสร้างธุรกิจโดยอาศัยข้อมูลเพื่อวิเคราะห์เทรนด์ผู้บริโภค และมีการทำ Social Listening ด้วยว่าธุรกิจควรจะเป็นแบบไหน การร่วมมือกันจะช่วยไม่ให้แบรนด์แฟชั่นที่โตง่ายและตายง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าแฟชั่นซึ่งมีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่สั้นมาก เป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องมีการใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์”

“สิ่งเหล่านี้เราพยายามปลูกฝังให้กับนักศึกษาตลอดเวลาที่เรียนในหลักสูตรทั้งทางด้านการออกแบบ ด้านการสื่อสารที่ต้องเข้าใจผู้บริโภค ให้เข้าใจว่าผู้ที่ disrupt โลกได้ตอนนี้อย่างประเทศจีน เขาทำอย่างไร ใช้วิธีไหน เราจะเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีและการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลของฝั่งประเทศจีนเข้ามาในหลักสูตรเราได้อย่างไร ให้เด็กได้เรียนรู้ และเราจะส่งเสริมนักศึกษาของเราให้นอกจากเรียนรู้เรื่องของจีน และยังสามารถนำเอาความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ให้กับผู้ประกอบการไทยเติบโตอย่างยั่งยืน”