คริสเตียน อีริกเซ่น ผู้เขียนเทพนิยายเดนส์เรื่องใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1992 ไม่มีใครคาดคิดว่าทีมอย่าง “โคนม” เดนมาร์ก ที่ตกรอบคัดเลือกไปแล้ว แต่ฟื้นคืนได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้าย จะสร้าง เทพนิยายเดนส์ ด้วยการคว้าแชมป์ ยูโร มาครองได้ และเป็นเรื่องเล่าระดับตำนาน ที่ทุกคนในวงการฟุตบอลยังพูดถึงอยู่ทุกวันนี้

แต่อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่จะถูกจดจำเป็นตำนานไม่แพ้กัน ก็คือการกลับคืนสู่สนามฟุตบอลอีกครั้งของ คริสเตียน อีริกเซ่น

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2021 ในศึก ยูโร 2020 ซึ่งจัดทั่วทวีปยุโรป แต่ในวันนั้นเป็นเกมที่เล่นที่ ปาร์เกน สเตเดี้ยม ประเทศเดนมาร์ก เป็นเกมที่ทีมโคนมลงเล่นในบ้านเจอกับ ฟินแลนด์

ทว่า เริ่มเกมไปได้ไม่นาน อีริกเซ่นหมดสติลงในสนาม และเกือบจะจากโลกนี้ไปแล้วเพราะหัวใจของเขาหยุดทำงานไปถึง 5 นาที

 

คนทั้งโลกต่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทีมแพทย์รีบเข้ามาเรียกมิดฟิลด์เชิงสูงให้ตื่นจากฝันร้าย เพื่อนร่วมทีมต่างยืนเป็นกำแพงเพื่อไม่ให้เห็นภาพของอีริกเซ่นที่โลกไม่ควรเห็น และกำแพงในวันนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา

ทั่วทั้งโลกเต็มไปเสียงปลุกให้อีริกเซ่นตื่น ไม่ว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องหรือรักฟุตบอลหรือไม่ แต่ทุกคนต่างหวังแบบเดียวกัน คือ ปาฏิหาริย์

ในที่สุดปาฏิหาริย์ก็มีจริง อีริกเซ่นตื่นขึ้นมา นี่คือข่าวดีที่สุดของวงการฟุตบอลในวันนั้น แต่น้อยคนจะเชื่อว่า คริสเตียน อีริกเซ่น จะกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีก

อีริกเซ่นต้องสวมเครื่องกระตุ้นหัวใจ แต่ก็ทำให้เขาต้องย้ายออกจาก “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เนื่องจากตามข้อบัญญัติด้านสุขภาพของทางการอิตาลี ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีม เบรนท์ฟอร์ด ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

จากนั้นก็ได้ย้ายมาร่วมทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงปัจจุบัน

มาถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2024 อีริกเซ่นคนเดิม กลับมาลงเล่นในศึกยูโร รอบสุดท้ายอีกครั้ง เป็นเวลา 1,100 วัน หลังจากที่เขาต้องถูกหามออกจากสนามไปที่ปาร์เกน สเตเดี้ยม

และก็เหมือนจะเป็นบทที่เขียนเอาไว้ เมื่อมิดฟิลด์วัย 32 ปี ยิงประตูสำคัญให้ทีมขึ้นนำ สโลวีเนีย 1-0 ทำให้บรรยากาศที่สตุ๊ตการ์ต อารีน่า เต็มไปด้วยความชื่นมื่น ถ้าจะมีใครร้องไห้ ก็คงเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปริ่ม

สุดท้ายถึงเกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอกัน 1-1 แต่ก็จะเป็นเกมหนึ่งที่ถูกจดจำและเป็นหนึ่งในเกมแห่งความทรงจำของยูโรหนนี้ได้เลย

อีริกเซ่นบอกว่า รู้สึกมั่นใจเมื่อจะลงสนาม และรู้สึกมีความสุขที่ได้เล่นในเกมนี้ เพราะยูโรมีความพิเศษกับตัวเขาอยู่เสมอ ที่สำคัญเรื่องราวของตัวเขาในยูโรครั้งนี้กับครั้งก่อน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาไม่เคยยิงประตูในยูโรได้มาก่อนเลย ทำให้มีความสุขมากที่ได้ช่วยทีมด้วยการยิงประตู และเดนมาร์กมีโอกาสที่ดีที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้

 

แฟนบอลโคนมต่างยินดีกับประตูแรกของอีริกเซ่นในยูโร ซึ่งก็เป็นประตูแรกของเดนมาร์กในยูโรหนนี้ด้วย

อาสเกอร์ โบเยอ นักข่าวของ Weekendavisen สื่อเดนมาร์ก ย้อนไปถึงวันที่เกิดเรื่องเศร้ากับอีริกเซ่น ว่า วันนั้นตัวเขาเองอยู่ในปาร์เก้น สเตเดี้ยม และเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การที่อีริกเซ่นยิงประตูได้ในในยูโรจึงเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ สำหรับแฟนบอลเดนมาร์ก เพราะเขาเป็นคนดังของประเทศ

อีริกเซ่นอาจจะไม่ได้เป็นกำลังสำคัญของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่แล้ว ลงเล่นไป 1,432 นาทีให้ทีมปีศาจแดง ยิง 1 แอสซิสต์ 3 ประตู แต่สำหรับทีมชาติ แคสเปอร์ ยุลมันด์ กุนซือทีมโคนมยังคงมองว่าแดนกลางวัย 32 ปี เป็นคนสำคัญของทีมเสมอ

“ผมไม่เคยสงสัยในตัวอีริกเซ่นในการเป็นนักฟุตบอลเลย และไม่สามารถที่จะเมินนักเตะที่มีคลาสระดับนี้ได้ เขาเป็นนักเตะที่รู้จังหวะของเกม ถึงจะโดนวิจารณ์ว่าไม่ค่อยได้ลงสนามให้สโมสร แต่วันนี้เขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพ และอยากจะลงเล่นเกมต่อไปเต็มทีแล้ว” ยุลมันด์กล่าว

 

นักเตะที่เคยอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย เคยเปิดใจในการรับรางวัลนักกีฬาที่กลับมาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแห่งปี ของ ลอเรอุส สปอร์ตส อวอร์ดส์ ไว้ว่า เมื่อผ่านช่วงเวลาแย่ๆ ไปแล้ว ก็ยังมีเวลาที่จะได้เจอสิ่งที่แตกต่างออกไป เคยได้ยินคำพูดหนึ่งที่บอกว่า เมื่อคุณรู้สึกดี หลังจากนั้นคุณก็จะต้องรู้สึกแย่ และจะเจอเรื่องดีๆ อีกครั้ง ชีวิตมีขึ้นมีลงเสมอ เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของทุกคน

เวลาแย่ๆ ได้ผ่านไปแล้ว และเวลาที่ดีก็วนกลับมาถึงอีริกเซ่นอีกครั้ง ท่ามกลางประจักษ์พยานทั่วโลกฟุตบอลที่อยู่เคียงข้างเขา ทั้งในวันที่แย่และวันที่ดี

จนถึงตอนนี้เราคงไม่รู้ว่า เดนมาร์กจะสร้างเทพนิยายเดนส์ ครั้งที่สองของพวกเขาได้หรือไม่ แต่เรื่องราวของอีริกเซ่นเอง ก็คงไม่ต่างจากเทพนิยายเรื่องหนึ่ง ที่คนเดนมาร์กสามารถนำไปเล่าให้ลูกหลานฟัง

ว่าประเทศของเขาเคยมีนักเตะที่สุดยอดขนาดไหน •

 

เขย่าสนาม | Stivie Toon

[email protected]