ลึกแต่ไม่ลับ เปิดสาเหตุ ทำไม? ‘ปวิณ VS มาดามแป้ง’ แตกหัก! เขย่าวงการลูกหนังไทย

วันที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ตัดสินใจก้าวเข้ามานั่งตำแหน่ง “นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” ต่อจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แฟนบอลไทยต่างให้ “ความเชื่อมั่น” และ “เชื่อมือ” มาดามแป้งว่าจะเข้ามาทำงานให้กับสมาคมแบบ “มืออาชีพ” สมกับสโลแกนทางธุรกิจ “เชื่อแป้ง”

“มาดามแป้ง” ได้รับแรงผลักดันและสนับสนุนจาก เนวิน ชิดชอบ นายใหญ่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ปวิณ ภิรมย์ภักดี นายใหญ่ค่ายบีจี ปทุม ยูไนเต็ด พร้อมระดมสรรพกำลังคนวงการลูกหนังไทยจากสโมสรต่างๆ เข้ามาทำงานกันอย่างคับคั่ง ทำให้หลายต่อหลายคนเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ว่า นี่คือทีมงานที่จะเข้ามาขับเคลื่อนวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้า

เวลาผ่านไป 3 เดือน “มาดามแป้ง” คงรู้แล้วว่า การทำหน้าที่ “นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ” หนักหนาสาหัสเพียงใด ต้องฝ่าวิกฤตดราม่าที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร ต่างกับการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมอย่างไร?

2 หัวใจใหญ่ๆ ที่จะชี้วัดการบริหารงานของสมาคมว่าประสบความสำเร็จหรือไม่

1. ผลงานทีมชาติไทยทุกชุด

2. การบริหารงานแบบมืออาชีพ ไม่แตกแยกกันในทีมงานบริหาร

 

ผ่านมา 3 เดือนยังไม่อยากใช้คำว่าการบริหารงานของ “มาดามแป้ง” นั้นสอบตก แต่ต้องบอกว่า ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้เห็นถึงการนำไปสู่ความเป็นมืออาชีพเท่าที่ควร ทั้งที่การตัดสินใจบางอย่างต้องดีบนพื้นฐานความถูกต้องมากกว่านี้

3 เดือนที่ผ่านมา มีสภากรรมการหลายคนไม่พอใจ ทิศทาง และนโยบายการทำงานของ “มาดามแป้ง” และมีแนวโน้มโบกมือลาการร่วมงานกัน

จนล่าสุด ปวิณ ภิรมย์ภักดี คือคนแรกที่ประกาศ “แตกหัก” แยกทางกับ “มาดามแป้ง” แบบชัดเจน

สาเหตุที่แตกหักกัน สมาคมพยายามออกข่าวว่า เกิดจากโปรแกรมรอบชิงฟุตบอลถ้วย 2 รายการคือ เอฟเอฟ คัพ และลีกคัพ ที่ต้องหลบให้กับทีมชาติไทย ในเกมคัดบอลโลก ที่บุกไปเสมอจีน 1-1 และกลับมาชนะสิงคโปร์ 3-1

แต่ข้อเท็จจริงที่รู้กันภายในสมาคม และบรรดาเหยี่ยวข่าวสายฟุตบอลไทยคือ การอนุโลมให้ทรู แบงค็อก เลื่อนโปรแกรมเอฟเอฟคัพ และทำแบบ 2 มาตรฐานกับสโมสรบีจี ปทุมฯ ในเกมรอบชิงศึกลีกคัพ

นั่นเป็น ฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ตัดขาด มาดามแป้ง ด้วยการยื่นลาออกจากตำแหน่งอุปนายกสมาคม แม้ว่า “มาดามแป้ง” ในฐานะผู้เป็นพี่สาวคนหนึ่งของ ปวิณ ภิรมย์ภักดี จะตามไปง้อชนิดออกสื่อไปทั่วประเทศด้วยการหอบดอกไม้ช่อใหญ่ไปมอบให้ แต่บอสใหญ่ค่ายบีจี ผู้เป็นน้อง ก็ปฏิเสธที่จะรับความยินดี

ว่ากันต่อไปอีกว่า การแตกหักของทั้งคู่ทำให้มีข่าวซุบซิบการถอนการทำประกันกับธุรกิจใหญ่ของมาดามแป้ง ไปอีกเกือบ 50 ล้านบาท…!!!

สุดท้าย ปวิณยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ส่วมสังฆกรรมใดๆ กับมาดามแป้ง ด้วยการขอคืนทีมชาติไทยชุดยู 23 ปีให้สมาคมกลับไปบริหารจัดการหลังจากสโมสรบีจีฯ ทำหน้าที่ดูแลมาระยะหนึ่ง

เป็นอันตัดขาดกันสมบูรณ์แบบในวงการลูกหนังระหว่าง “มาดามแป้ง VS ปวิณ”

 

ความอึดอัดใจของ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ไม่ได้ถูกนำเสนอออกสู่สาธารณะมากนัก เพียงแต่ไปคาดเดากันว่า เป็นเรื่องของโปรแกรมเตะที่ไม่เป็นธรรมกับสโมสรบีจี ปทุมฯ

แต่ข้อเท็จจริงจากวงใน นั่นคือ ก่อนการมาของ “มาดามแป้ง” ในตำแหน่งนายกสมาคมภายใต้แรงหนุนของ “เนวิน ชิดชอบ + ปวิณ ภิรมย์ภักดี” นั้น ตกลงรูปแบบการทำงาน ทิศทาง นโยบายการบริหารงานไว้แบบหนึ่ง แต่เมื่อ “มาดามแป้ง” กลับถูกวิจารณ์ว่าไปดำเนินการอีกแบบหนึ่งซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงกันไว้เบื้องต้น

ที่สำคัญอีกประการคือ ตอนฟอร์มทีมงานกันตอนแรก ทุกคนเป็นพี่เป็นน้องกันหมด แต่พอ “มาดามแป้ง” เข้ามาบริหารงานแล้วกลับไปทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่า ความเป็นพี่เป็นน้องลดน้อยลงและเปลี่ยนสถานะใหม่เป็นคำว่า “เจ้านาย VS ลูกน้อง”

การที่ “มาดามแป้ง” ไปเจรจากับผู้บริหารระดับเจ้าสัวรายใหญ่เพื่อขอให้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยลีกมาถ่ายทอดสดผ่านกล่องทรูวิชั่นส์ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแตกหักที่นำไปสู่ความร้าวฉานในกลุ่มสภากรรมการ บางส่วนต้องการให้เพิ่มมูลค่าไทยลีกกลับมาด้วยการดำเนินการผ่านฟรีทีวี แต่มาดามแป้งใช้วิธีไปเจรจาก่อนแล้วมาแจ้งทีมงานสภากรรมการ พร้อมกับอ้างคำพูดในที่ประชุมว่า กำลังดิวส์กับทรูวิชั่นส์อยู่ จึงต้องขอให้เลื่อนโปรแกรมเตะเอฟเอคัพ ของทรู แบงค็อก ออกไป

แม้ว่าจะมีสภากรรมการทักท้วงแต่ไม่เป็นผล

นี่ยังไม่รวมอีกหลายๆ เรื่อง หลายๆ ประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่สั่งสมกันมา ทั้งเรื่องทีมงานเลขาฯ ของมาดามแป้งที่เข้ามาบริหารสมาคมแทนที่เรื่องต่างๆ จะคล่องตัวกลับกลายเป็นว่า ชะงัก และล่าช้ากันเสมือนทำงานราชการในประเทศแห่งหนึ่ง

การเบิกจ่ายงบประมาณหลายๆ แผนงานล่าช้า ยกเว้นการประชุมฟีฟ่า คองเกรส ล่าสุดที่รวดเร็ว ที่บอกล่าช้า มีรายงานว่า แม้กระทั่งกระดานขึ้นเกมของโค้ชอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ สำหรับทีมชาติไทยยังต้องเป็นสโมสรบีจีฯ ควักจ่าย, กล้องวิดีโอที่ใช้ในการสเกาต์เกมคู่ต่อสู้ตัวละหลักแสน สโมสรบีจีฯ จ่ายให้

มันเป็นภาวะความเครียดสะสมของ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ที่มาเจอกับการบริหารที่ยังไม่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ และถอนทีมงานฝ่ายบัญชี ฝ่ายกฎหมายของตัวเองออกมาจากการทำงานกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แล้ว

“มาดามแป้ง” เป็นคนที่อ่อนไหวต่อการแสดงความคิดเห็นของแฟนบอลในโลกโซเชียลค่อนข้างสูง จุดนี้เป็นจุดอันตรายพอสมควร แน่นอนว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่มี “นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ” คนไหนไม่โดนตำหนิ โดนด่าจากแฟนบอล เพราะฉะนั้น “มาดามแป้ง” ต้องเลือกที่จะคิด วิเคราะห์ แยกแยะ คอมเมนต์จากแฟนบอลที่เป็นประโยชน์ พวกคอมเมนต์ไร้สาระอย่าไปใส่ใจมากเพราะมันจะบั่นทอนจิตใจ และทำให้การตัดสินใจทำงานไม่แน่วแน่

ถ้าเลือกเข้ามาทำงานเพื่อสังคมฟุตบอลไทยแล้วต้องพร้อมรับการโดนตำหนิ

 

หลังจากนี้ “มาดามแป้ง” ยังต้องเจอกระแสดราม่าถาโถมเข้าใส่อีกหลายรอบ การเสียน้องรักอย่าง ปวิณ ภิรมย์ภักดี น่าจะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับ “มาดามแป้ง” และว่ากันว่าจะยังไม่ใช่คนสุดท้าย ยังมีอีกหลายคนไม่พอใจแนวทางการทำงาน และเตรียมจะโบกมือลา แค่รอเวลาที่เหมาะสม

สิ่งที่ “มาดามแป้ง” จะต้องทำและปรับเปลี่ยนเพื่อรักษามิตรภาพ ความเป็นพี่เป็นน้องในวงการฟุตบอลไทยให้เดินไปตลอดรอดฝั่งคือ ฟังคนรอบข้างให้มากขึ้น แคร์คนรอบข้างให้มากขึ้น

ขออนุญาตเตือนด้วยความหวังดีเพราะอยากเห็นวงการฟุตบอลไทยในอุ้งมือ “มาดามแป้ง” ประสบความสำเร็จ… •